วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 15:26 น.
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบ ร่างพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และกฎหมายฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้ เมื่อประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา โดยกฎหมายฉบับดังกล่าว จะช่วยแก้ปัญหาการหลอกลวงออนไลน์รวมถึงอาชญากรรมรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะการระงับยับยั้งการโอนเงินผ่านบัญชีม้า ซึ่งต่อไปผู้ที่รับจ้างเปิดบัญชีม้า จะมีความผิดตามกฎหมาย คือ โทษจำคุก 3 ปี ปรับ 300,000 บาท และหากพบว่ามีการใช้บัญชีม้าในการโอนเงินของคนร้าย หรือมิจฉาชีพ จะสามารถอายัดบัญชี และหยุดการโอนเงินทุกบัญชีที่เกี่ยวข้อง ในการโอนต่อไปเป็นทอดๆ ได้ทั้งหมด
นอกจากนี้ จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมากํากับดูแลและออกนโยบาย และกําหนดว่าลักษณะที่เป็นพฤติกรรมต้องสงสัยในการโอนเงิน หากเข้าข่ายเป็นพฤติกรรมต้องสงสัย และตรวจพบจะสามารถอายัดบัญชี และหยุดการทําธุรกรรม เพื่อรอการตรวจสอบได้เป็นเวลา 7 วัน ถ้าพบว่าทําถูกต้องตามกฎหมายไม่ใช่มิจฉาชีพก็จะปล่อยให้สามารถทําธุรกรรมต่อไปได้ แต่หากพบว่าเป็นบัญชีที่มีปัญหา ก็จะสั่งปิดและดําเนินคดี โดยการเพิ่มอํานาจนี้จะทําให้กระทรวงดีอีเอสสามารถป้องกันและแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ได้ทันที
ทั้งนี้ นอกจากการปราบปรามแก๊งเปิดบัญชีม้าแล้ว กฎหมายฉบับนี้ยังครอบคลุมถึงเรื่องของซิมม้า โดยการใช้ซิมหรือการติดต่อผ่านมือถือ ต่อไปต้องมีการลงทะเบียนตามที่ กสทช. กําหนด ซิมม้าหรือการนำซิมอื่นมาใช้ ก็จะมีความผิดเช่นเดียวกับการใช้บัญชีม้า จึงขอเตือนประชาชน และคนที่ไปเปิดบัญชี หรือไปลงทะเบียนมือถือให้ผู้อื่นใช้ จะมีความผิด โดยมีโทษจำคุก 3 ปี ปรับไม่เกิน 300,000 บาท ซึ่งไม่คุ้มกับที่ไปรับจ้างได้เงินเพียง 500- 2,000 บาท แต่ต้องมาโดนปรับเงินถึง 300,000 บาท และเป็นคดีความด้วย จึงขอเตือนให้พี่น้องประชาชนทุกคนที่ได้กระทำการดังกล่าวไปแล้วไปที่ธนาคาร และแจ้งยกเลิกบัญชีที่ท่านไปรับจ้างเปิดไว้ไม่เช่นนั้นอาจจะมีความผิดหนัก หากตรวจพบในภายหลัง