วันที่ 12 เมษายน 2567 เวลา 11:46 น.
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย บก.ปอท. ร่วมกับกรมศุลกากร และ นายด่านศุลกากรเชียงแสน ลงพื้นที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย หลังพบข้อมูล มีกลุ่มคอลเซ็นเตอร์(Call Center) พัฒนาปรับเปลี่ยน รูปแบบ วิธีการหลอกลวงเหยื่อผู้เสียหายโดยใช้เทคโนโลยี การติดต่อสื่อสารที่ทันสมัย และซับซ้อนมากขึ้น
จากการบูรณาการ ทำให้ทราบเบาะแสว่าจะมีพัสดุต้องสงสัย ซึ่งน่าจะเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติส่งมาจากต่างประเทศ เข้ามาประเทศไทย เพื่อส่งต่อผ่านทางพื้นที่ติดต่อประเทศเพื่อนบ้าน ทางสามเหลี่ยมทองคำ ด้าน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรด่านเชียงแสน จึงเฝ้าระวังสังเกตการณ์
กระทั่งพบกล่องลังกระดาษ และกล่องพลาสติกต้องสงสัย มีผ้าห่อหุ้มมิดชิด รวมแล้วกว่า 10 กล่องใหญ่ ซุกซ่อนอยู่บริเวณโคนต้นไม้ ริมแม่น้ำโขง พื้นที่รอยต่อสามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย เมื่อเข้าตรวจสอบ พบเครื่องคอมพิวเตอร์ All In One จำนวน 94 ชุด พร้อมอุปกรณ์ส่วนควบอื่น ๆ , โทรศัพท์มือถือ จำนวน 347 เครื่อง,สมุดจดบันทึกเป็นภาษาจีน จำนวน 15 เล่ม และสิ่งของอื่นๆ จำนวนมาก
จากการตรวจสอบข้อมูลภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม (กก.4 บก.ป.) พบข้อมูลที่น่าเชื่อว่าอุปกรณ์ดังกล่าวเป็นเครื่องมือที่กลุ่มมิจฉาชีพและแก๊งคอลเซ็นเตอร์นำมาใช้ในการหลอกลวงประชาชนได้
เนื่องจากปรากฏข้อมูล ข้อความแชทสนทนาจำนวนมาก ในลักษณะคล้ายสคริปต์การสนทนา วิธีการขั้นตอนการทำงาน เริ่มต้นตั้งแต่การสร้างโปรไฟล์ ในโซเชียลมีเดีย โดยพบว่ามีภาพชาย-หญิงทั้งยุโรปและเอเชีย หน้าตาดี ในอิริยาบถต่างๆ จำนวนมาก , ข้อความแชทสนทนาเชิงชู้สาว คล้ายกลุ่มคนร้าย Romance Scam หรือการหลอกให้รัก , ข้อความแชทสนทนาลักษณะชักชวนลงทุนรูปแบบต่างๆ , ข้อความขอคำปรึกษาวิธีการแก้ปัญหาระหว่างคนร้ายด้วยกัน , ตัวอย่างบทสนทนาในสถานการณ์ต่าง ๆ
รวมทั้งรายละเอียดเกี่ยวกับการเงินของกลุ่มคนร้าย ซึ่งพบข้อมูลผู้เสียหายเป็นชาวจีน ชาวญี่ปุ่น ชาวต่างชาติฝั่งยุโรปและอเมริกา ในส่วนสมุดบันทึกที่มีข้อความภาษาจีน พบว่าคล้ายไดอารี่ของพนักงาน ในลักษณะจดขั้นตอนวิธีการทำงาน และเขียนบันทึกการทำงานในแต่ละวันเอาไว้
นอกจากนี้ ในพื้นที่บริเวณตลิ่ง ริมแม่น้ำโขง อ.เชียงแสน ยังพบถุงพลาสติก 1 ถุงใหญ่ ซุกซ่อนในป่าทึบ ภายในถุงบรรจุกล่องโทรศัพท์ จำนวน 5 กล่อง ซึ่งตรวจสอบภายในกล่องโทรศัพท์แต่ละกล่อง พบโทรศัพท์มือถือใส่ซิมการ์ด , สมุดบัญชีธนาคาร , บัตร ATM พร้อมกระดาษจดรหัสบัตร ATM และ รหัสการเข้าใช้งานแอปพลิเคชันธนาคาร พร้อมใช้งาน
อีกทั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ป. พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรด่านเชียงแสน ยังร่วมกันตรวจสอบกล่องพัสดุต้องสงสัยที่ส่งโดยการขนส่งทางอากาศมาจากต่างประเทศ และผู้รับตามชื่อที่กล่องพัสดุปฏิเสธการรับ จำนวน 2 ราย
โดยกล่องพัสดุรายแรกพบว่าถูกส่งมาจากประเทศอังกฤษ ภายในกล่องพบ ซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ เครือข่าย Vodafone จำนวน 4,998 อัน ส่วนพัสดุรายที่ 2 ซึ่งระบุผู้รับอีกราย ถูกส่งมาจากประเทศญี่ปุ่น ตรวจสอบภายในกล่องพบ อุปกรณ์เครื่องรับสัญญาณอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านดาวเทียม ยี่ห้อ Starlink ของบริษัท SpaceX อีกจำนวนกว่า 10 เครื่อง จึงร่วมกันตรวจยึดของกลาง
- ซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ เครือข่าย Vodafone จำนวน 4,998 อัน
- อุปกรณ์เครื่องรับสัญญาณอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านดาวเทียม ยี่ห้อ Starlink ของบริษัท SpaceX จำนวน 10 เครื่อง
- เครื่องคอมพิวเตอร์ All In One จำนวน 94 ชุดและอุปกรณ์ส่วนควบอื่น ๆ
- โทรศัพท์มือถือ จำนวน 347 เครื่อง
- สมุดจดบันทึกเป็นภาษาจีน จำนวน 15 เล่ม
- สมุดบัญชีธนาคารไทย พร้อมโทรศัพท์มือถือ และซิมการ์ด จำนวน 5 ชุด
เบื้องต้น ประเมินมูลค่า (ไม่รวมภาษีอากร) ของทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้ในครั้งนี้ ประมาณ 5.4 ล้านบาท
ทั้งนี้อุปกรณ์และสิ่งอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบในครั้งนี้ เชื่อว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำงานของมิจฉาชีพที่ใช้ในการก่ออาชญากรรมออนไลน์ในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น แก๊ง Call Center ,การพนันออนไลน์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่ถูกลักลอบนำเข้ามาในราชอาณาจักร
โดยกลุ่มนายทุน เพื่อส่งต่อไปยังที่ประเทศเพื่อนบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตรวจยึดสิ่งของดังกล่าวทั้งหมดไว้ และจะสืบสวนขยายผลหานายทุนผู้ว่าจ้าง และผู้ร่วมกระทำความผิด เพื่อติดตามทั้งขบวนการมาดำเนินคดีต่อไป