หน้าแรก > อาชญากรรม

ทลายเครือข่ายลักลอบขนบุหรี่ต่างประเทศรายใหญ่ข้ามชาติ SEASON 2 ความเสียหายทางภาษีกว่า 17 ล้านบาท

วันที่ 10 เมษายน 2567 เวลา 11:38 น.


กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอศ.)  ร่วมกันจับกุม นายปอ หรือสัก (สงวนนามสกุล) อายุ 48 ปี  พร้อมของกลาง

1. บุหรี่ ที่มีแหล่งกำเนิดจากต่างประเทศ ซุกซ่อนอยู่ในกล่องพัสดุขนาดใหญ่ จำนวน 2,350 คอตตอน (23,500 ซอง หรือ 470,000 มวน)

2. รถยนต์กระบะ ตู้ทึบ ยี่ห้อนิสสัน นาวาร่า สีน้ำตาล ทะเบียน บม 1284 ปราจีนบุรี (ใช้ในการขนสินค้าหนีภาษี) ในความผิดฐาน

1.ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้ โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากรฯ

2.ผู้ใดมีไว้ในครอบครองโดยไม่มีสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายซึ่งสินค้าที่มิได้เสียภาษีหรือเสียภาษีไม่ครบถ้วนหรือผู้ใดขายหรือมีไว้เพื่อขายซึ่งสินค้าที่เป็นสินค้าที่มิได้เสียภาษีหรือเสียภาษีไม่ครบถ้วน อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.สรรพสามิต  

สถานที่จับกุม บริเวณภายในซอยเทศบาล 13 ม.3 ต.คลองใหญ่  อ.คลองใหญ่ จ.ตราด พฤติการณ์  สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้เมื่อประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2567 เจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต, เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอศ. และเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ บก.รน. ได้ร่วมกันทำการจับกุมกลุ่มบุคคลที่ลักลอบจำหน่าย และนำส่งบุหรี่ต่างประเทศ โดยมีวิธีการคือ นำบุหรี่ต่างประเทศมาบรรจุในกล่องพัสดุไปรษณีย์ เพื่อส่งให้กับลูกค้าทั่วประเทศไทย โดยมีพื้นที่บรรจุและลักลอบนำเข้ามาตามแนวรอยต่อพรมแดนประเทศเพื่อนบ้าน

ภาคตะวันออก จากนั้นเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต, เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอศ. และเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ บก.รน. ได้ร่วมกันวางแผนเพื่อสกัดกั้นและจับกุมกลุ่มขบวนการดังกล่าว และเมื่อวันที่ 28 ก.พ.67  ได้ร่วมกันตรวจยึดของกลางได้จำนวนกว่า 3,000 คอตตอน (ประมาณ 30,000 ซอง) ที่ ปณ.คลองใหญ่ จ.ตราด นอกจากนี้ในวันที่ 2 มี.ค.67 ได้ร่วมกันตรวจยึดของกลางได้จำนวนกว่า 17,867 คอตตอน (ประมาณ 178,678 ซอง) พร้อมผู้ต้องหา จำนวน 3 ราย ในพื้นที่ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด

จากการสืบสวนทราบว่าในการนำบุหรี่ต่างประเทศ เข้ามาในราชอาณาจักรไทย จะมีการนำผ่านช่องทางธรรมชาติ (แนวพรมแดนไทย-กัมพูชา) โดยผ่านพื้นที่ภูเขา ชื่อ “เขาวง” โดยมีนายทุนกัมพูชาและนายทุนไทย เป็นผู้ว่าจ้างให้ชาวกัมพูชา ลักลอบขนบุหรี่ข้ามพรมแดนมาให้ จากการตรวจสอบพบว่า ทั้ง 2 เคสที่จับกุมก่อนหน้านี้ ใช้กลุ่มขบวนการดังกล่าวในการลักลอบขนกลุ่มเดียวกัน จากนั้นเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต,เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอศ. และเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ บก.รน. จึงได้ร่วมกันวางแผน เพื่อทำการสกัดกั้นและจับกุม โดยทำการเฝ้าสะกดรอย มาเป็นระยะเวลากว่า 1 เดือนเศษ จนแน่ชัดว่ากลุ่มขบวนการดังกล่าวจะมีการลักลอบขนในช่วงเวลา 01.00 น. - 04.00 น. เป็นประจำทุกวัน โดยมีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนรถที่ใช้ขน และจะมีคนดูต้นทางในระหว่างการขน โดยขบวนการดังกล่าวจะจัดเตรียมรถเพื่อขนไปยังจุดหมาย จำนวน 2 คัน จากนั้นจึงได้เฝ้าสะกดรอยจนกระทั่งสามารถติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีได้  

จากการตรวจสอบพบอีกว่าเครือข่ายดังกล่าวมีผู้ร่วมขบวนการหลายราย ที่ใช้กลุ่มขบวนการนี้ในการลักลอบขนบุหรี่  จากนี้จะได้ทำการสืบสวนขยายผลถึงกลุ่มลูกค้า ผู้สั่งการ และผู้ร่วมขบวนการ รายอื่นๆอีก ต่อไป จากนั้นนำตัวผู้ต้องหาพร้อมด้วยของกลาง ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยหลังจากนี้จะทำการขยายผลจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องในขบวนการรายอื่นๆต่อไป

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าได้รับการว่าจ้างมาจากนายทุนชาวกัมพูชา ซึ่งจะให้ผู้ต้องหาไปรับบุหรี่ต่างประเทศ มาส่งให้กับลูกค้าคนไทยหลายๆคน จากการสอบสวนพบว่าในครั้งนี้ผู้ที่ทำการสั่งบุหรี่ คือ นายเล็กอ้วน ซึ่งเป็นผู้นัดหมายให้ผู้ต้องหานำบุหรี่มาส่งตามสถานที่ต่างๆ เช่น ริมทาง หรือ โกดัง โดยจะมีรถยนต์อีกคันหนึ่งมาเทียบรับเพื่อหลบเลี่ยงการจับกุม ทั้งนี้กลุ่มผู้ต้องหาได้รับค่าจ้างจากพ่อค้าชาวไทย คิดเป็น คอตตอน ละ 5 บาท (โดยรับว่า มีการขนในทุกๆวัน บางวัน 2-3 รอบ ซึ่งจะได้เงินค่าจ้างประมาณ 5,000 – 20,000 บาท ต่อการขนใน 1 คืน ) ส่วนรถยนต์ที่ใช้ในการขนบุหรี่นั้น ลูกค้าจะเป็นผู้จัดหามาให้ ซึ่งจะสลับหมุนเวียนกันไปตามแต่ละกลุ่มที่สั่งซื้อ จากการตรวจสอบพบว่ามีรถยนต์บางคันเป็นรถที่ขาดต่อทะเบียนมานานและหนีไฟแนนซ์ เพื่อตบตาและหลีกเลี่ยงการจับกุมของเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ผู้ต้องหายังรับว่าทำการลักลอบขนบุหรี่มาแล้วกว่า 5 ปี เศษ และยังไม่เคยถูกจับกุมตัวมาก่อน

 


 

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม