เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 9 เม.ย.67 ที่ห้องประชุมชั้น 4 เทศบาลนครปากเกร็ด ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมหารือสรุปผลและบูรณาการ แนวทางการแก้ไขปัญหา พื้นผิวถนนแจ้งวัฒนะยุบตัว บริเวณหน้าวัดบ่อ ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยมีนายวิชัย บรรดาศักดิ์ นายกเทศมนตรีนครปากเกร็ด นานสมศักดิ์ ลามอ รองนายกเทศมนตรีนครปากเกร็ด นายสุทร บุญสิริชูโต ปลัดเทศบาลนครปากเกร็ด เจ้าหน้าที่การประปานครหลวง กรมทางหลวงชนบท เจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ท. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด  วิศวกรจาก วสท. และบริษัท ทิพากร จำกัด ผู้รับเหมา 

บรรยากาศในการประชุมบริษัทผู้รับเหมาได้สรุปขนาดความเสียหายหลังจากสำรวจเพิ่มเติมจากวันแรกที่ยุบ 7 คูณ 8 เมตร เพิ่มเป็น 10 คูณ 20 เมตร เนื่องจากต้องทำการขุดเพิ่มเพื่อแก้ไขระบบท่อระบายน้ำทิ้งที่แตก และทำการวางแนวท่อใหม่ ระยะทาง 15 เมตร พบปัญหาคือน้ำเสียที่ระบายออกมาอย่างต่อเนื่องทำให้งานล่าช้า และเกิดการแตกหักซ้ำหลังจากวางท่อระบายน้ำ ทำให้ต้องรื้อท่อออกทั้งหมด

การทำงานหลังจากจะนี้จะแบ่งเป็น 2 ระยะ  คือ ระยะที่ 1 เพื่อปิดผิวการจราจรให้กับประชาชนก่อน จะเริ่มสูบน้ำออกวางแนวท่อใหม่ในวันนี้ โดยใช้ซีเมนต์ชนิดแห้งเร็วปิดรอยเชื่อม ซึ่งในระหว่างนั้นการประปานครหลวงจะร่วมพื้นที่วางท่อประปาไปพร้อมกัน

คาดว่าในคืนนี้ 9 เม.ย.67 จะทำนำทรายและหินคลุกบดอัดปิดแนวท่อ จากนั้นในวันที่ 10 เม.ย.67 จะเททับด้วยซีเมนต์ชนิดแห้งเร็ว และลาดทับด้วย แอสฟัสติก หนา 3 นิ้ว โดยจะทำให้ลาดเอียงรับกับแนวถนนเดิม โดยทั้งหมดจะเปิดใชิผิวจราจรได้ในวันที่ 11 เม.ย.67 เวลา 12.00 น.

ซึ่งในระหว่างดำเนินการต้องให้เป็นไปตามหลักวิศวกรรม และเฝ้าระวังเรื่องฝนที่คาดว่าจะมีฝนตกในพื้นที่ ระหว่างวันที่ 9-11 เม.ย.67 โดยเพิ่มเครื่องสูบน้ำและเจ้ากน้าที่เฝ้าระวังตลอด 24 ชม.
 

สำหรับระยะที่ 2 เนื่องจากจุดนี้เป็นโครงการก่อสร้างบ่อพัก และท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดิน โดยวิธี HDD ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ จึงยังไม่สามารถคืนพื้นผิวจราจรได้แบบถาวร โดยกำหนดแล้วเสร็จตรงจุดหน้าวัดบ่อคือ เดือน ก.ค.67 ส่วนโครงการลอดใต้แม่น้ำจะแล้วเสร็จทั้งสองฝั่งแม่น้ำเดือน ก.ย.67 การไฟฟ้าจะคืนผิวจราจรให้กลับสู่สภาพเดิมได้แบบถาวร 

สำหรับความเสียหายของวัดบ่อ และอาคารพาณิชย์ ทางวิศวกรของ วสท.จะเข้าตรวจสอบและให้คำแนะนำในการซ่อมอีกครั้ง หลังจากคืนผิวจราจรระยะที่ 1 แล้ว ซึ่งจากการสำรวจพบว่ากำแพงวัดบ่อมีการทรุดตัวลงมาประมาณ 8 ซม. ทำให้กำแพงแตกร้าวเพิ่ม แต่ตัวโครงสร้างอุโบสถยังไม่เกิดผลกระทบ ต้องรอทางวิศวกรใช้อุปกรณ์ในการตรวจเช็คอีกครั้ง