วันที่ 2 เมษายน 2567 เวลา 03:07 น.
ไล่ล่าโจรใจเหี้ยม บุกชิงมือถือเด็ก 10 ขวบคาสนามฟุตบอลโรงเรียน ครวญ เป็นสมบัติต่างหน้าชิ้นเดียวของพ่อที่จากไป จ.ขอนแก่น
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 1 เมษายน 2567 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ พบกับคุณยาย อายุ 60 ปี ชาวบ้านคำบง ม.13 ต.สะอาด อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น และ น้อง อ. (นามสมมุติ) อายุ 10 ปี หลานชาย หลังจากที่น้อง อ. ถูกชายวัยรุ่นชิงเอาโทรศัพท์มือถือ ขณะนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือ รอเตะฟุตบอลในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.สะอาด อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น
หลังจาก มีผู้ใช้ Facebook รายหนึ่งเป็นลุงน้อง อ. โพสต์ภาพสองคนร้าย ขับขี่และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน กรุงเทพมหานครฯ เข้าไปในโรงเรียนฯ ซึ่งมีเด็กนักเรียนนั่งเล่นรอซ้อมฟุตบอลอยู่ข้างสนามฟุตบอล ถูกคนร้ายทั้งสองคนล็อคคอขู่ฆ่าบังคับเอาโทรศัพท์มือถือและให้บอกรหัสปลดล็อคโทรศัพท์มือถือ จากนั้นก็พากันขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป ซึ่งผู้โพสต์ ระบุข้อความเอาไว้ว่า “เตือนภัย มีวัยรุ่นจากต่างหมู่บ้านเข้ามาในหมู่บ้านคำบง หาจี้ปล้น ล็อกคอเด็กน้อยให้บอกรหัสไม่งั้นจะฆ่า แล้วเอาโทรศัพท์ไป หลานผมพึ่งเจอเมื่อสักครู่ที่โรงเรียนฯ มันเอาแต่โทรศัพท์ไป เด็กปลอดภัยแล้วครับ เห็นหน้าตารถชัดเจน กำลังไปแจ้งความ ฝากผู้ปกครองช่วยดูแลบุตรหลานเป็นหูเป็นตาช่วยกันครับ เป็นตะย้านแฮง ใครรู้จักInbox ผมด้วยนะครับ ขอบคุณครับ”
ซึ่งขณะลงพื้นที่พบว่า ยาย ได้พาหลานชายเดินทางไปยังบ้านผู้ใหญ่บ้าน เพื่อหารือเรื่องที่เกิดขึ้นกับหลานชาย โดยยายกล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นกับหลานชายนั้น ได้ไปแจ้งความกับตำรวจ สภ.น้ำพอง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะดำเนินการอย่างไรต่อไป เพราะโดยส่วนตัวไม่เอาเรื่อง เพราะกลัวเรื่องความปลอดภัยของหลานชาย เพราะทราบว่า คนร้ายเป็นวัยรุ่นบ้านเดียวกัน ซึ่งหลังก่อเหตุทราบว่า หลบหนีออกจากหมู่บ้านไปแล้ว
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายวานที่ผ่านมา (31 มี.ค.67) น้อง อ. ไปนั่งเล่นโทรศัพท์กับเพื่อนที่โรงเรียน ซึ่งอยู่ตรงข้ามบ้าน และปกติก็จะมาเล่นเป็นประจำและรอซ้อมบอลกับพี่ๆ ตอนเย็น ขณะที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ม้านั่งหินอ่อนข้างสนามฟุตบอลกับเพื่อนอีก 2 คนรวมเป็น 3 คน คนร้ายทั้งสองขับรถจักรยานยนต์เข้ามา แล้วมานั่งลงกลางวง พร้อมกับนับเลขแล้วพูดว่า สามคนนี้ให้ส่งโทรศัพท์มาถ้าไม่ส่งมา ตาย พอพูดจบเพื่อนเพื่อนหลานสองคนลุกขึ้นวิ่งทันที ส่วนหลานถูกคนร้ายเรียกแล้วล็อคคอเอาไว้ ลากมาที่ใต้ต้นไม้ห่างจากไม้หินอ่อนประมาณ 20 เมตร แล้วบอกว่าเอาโทรศัพท์มาให้พี่คุยกับลุงที่อยู่กรุงเทพหน่อย น้อง อ. จึงบอกคนร้ายไปว่า ยายห้ามให้โทรศัพท์คนอื่นเล่นเด็ดขาด คนร้ายจึงขู่ว่าถ้ามึงไม่ให้โทรศัพท์กู กูจะตีมึง จนน้อง อ. กลัว ต้องส่งโทรศัพท์ให้คนร้ายไป และยังบังคับให้บอกรหัสปลดล็อคโทรศัพท์ พอคนร้ายได้รหัสปลดล็อคโทรศัพท์แล้วก็ปล่อยตัวน้อง ก่อนจะขึ้นรถจักรยานยนต์ขับหลบหนีไปทางหน้า สถานีอนามัยในหมู่บ้าน และน้อง อ. ยังบอกอีกว่า คนขับชื่อนายโหน่ง เคยเห็นมาเล่นที่โรงเรียนประจำ และเป็นคนบ้านเดียวกัน และตอนนี้อยากได้โทรศัพท์คืน ซึ่งเป็นสมบัติชิ้นเดียวของพ่อที่เหลืออยู่หลังจากพ่อตาย มีข้อมูลของพ่ออยู่ในนั้น และภาพถ่ายของพ่อที่เอาเก็บไว้ดูเวลาคิดถึง ก่อนที่ยายจะพาหลานชายไปแจ้งผู้ใหญ่บ้าน และพาเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.น้ำพอง
ขณะที่ นายแมน นันโมง อายุ 49 ปี ผู้ใหญ่บ้าน บ้านคำบง ม.13 กล่าวว่า กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเด็กชายวัยเพียง 10 ปี ซึ่งเป็นเรื่องน่ากลัวและเป็นภัยต่อสังคมเป็นอย่างมาก จึงพายายกับหลานไปแจ้งความกับตำรวจ สภ.น้ำพอง จากนั้นก็รายงานให้ฝ่ายปกครองทราบเรื่อง และไปพบครูในโรงเรียนฯ เพื่อขอดูภาพจากกล้องวงจรปิด บริเวณทางเข้าโรงเรียน ก็พบภาพคนร้ายที่ก่อเหตุชิงโทรศัพท์มือถือจากน้องเอิร์ธ ขับขี่รถจักรยานยนต์ ทะเบียน กรุงเทพมหานคร เข้าไปในโรงเรียน ซึ่ง อ. ก็ยืนยันว่าใช่คนร้ายที่ก่อเหตุชิงโทรศัพท์มือถือไปจริง จึงก้อปปี้ภาพนิ่งจากวงจรปิดส่งเข้ากลุ่มของฝ่ายปกครอง และส่งให้ตำรวจ ต่อมาก็ทราบจาก ผู้ใหญ่บ้าน บ้านดงมัน ม.6 ต.สะอาด ว่า รถคันดังกล่าว จอดอยู่ในหมู่บ้าน จึงไปทำการตรวจยึดมาไว้ที่บ้าน จากนั้นก็มีนางเอ (นามสมมุติ) อายุ 33 ปี ชาวบ้านดงมัน ม.6 ต.สะอาด อ.น้ำพอง เดินทางมาพบและแสดงตัวเป็นเจ้าของรถ แต่ไม่สามารถคืนให้ได้ เพราะเป็นยานพาหนะในคดีชิงทรัพย์ จึงให้ตำรวจมายึดเป็นของกลาง
ในเวลาต่อมานางเอ ได้พาบุตรสาวชื่อ ด.ญ.บี อายุ 14 ปี (คนซ้อนท้ายในคลิปวงจรปิด) เดินทางมาพบผู้ใหญ่บ้านและพบยายกับหลานชาย โดยทั้งสองคน ได้ยกมือไหว้ขอโทษยายกับหลาน โดยนางเอ กล่าวว่า การขอโทษไม่ได้บอกว่าลูกสาวเป็นคนดี แต่เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เป็นเพราะนายโหน่ง อายุ 17 ปี ซึ่งไม่อยู่บ้านตัวเอง แต่ไปพักอาศัยอยู่กับเพื่อนที่บ้านดงมัน จึงรู้จักกับลูกสาว บอกให้ลูกสาว พาขี่รถไปเอาเงินกับลุงที่บ้านคำบง ลูกสาวจึงพามา โดยนายโหน่งเป็นคนขับ ลูกสาวนั่งซ้อนท้าย ขับขี่ออกจากบ้าน มาที่บ้านคำบง แต่เมื่อถึงบ้านคำบงนายโหน่งไม่เข้าบ้านลุง แต่ขับขี่เข้ามาในโรงเรียน เมื่อถึงโรงเรียนนายโหน่งให้ลูกสาวรอที่รถ นายโหน่งเดินไปหาน้อง อ. ประมาณ 10 นาที นายโหน่งเดินกลับมาที่รถ สั่งให้ลูกสาวขับขี่รถออกจากโรงเรียน กลับมาที่บ้านเพื่อน จากนั้นลูกสาวจึงจอดรถไว้ที่หน้าบ้าน จนมาถูกยึดเป็นของกลาง
นางเอ กล่าวอีกว่า การมาพบผู้ใหญ่บ้าน ก็เพื่อขอพบยายกับหลาน เพื่อขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันอาจจะไม่ช่วยอะไร แต่เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นลูกสาวไม่รู้เรื่อง เป็นเรื่องของนายโหน่ง และกลัวความปลอดภัยของลูกสาว เพราะหลังจากมีภาพนิ่งเผยแพร่ในโซเชียล ก็มีการคอมเม้นท์ที่ใช้คำรุนแรง กลัวลูกสาวจะไม่ปลอดภัย กลัวถูกคนทำร้าย และกลัวนายโหน่งจะมาทำร้ายลูก จึงมาปรึกษาผู้ใหญ่บ้านว่าจะดำเนินการอย่างไร ลูกสาวจึงจะปลอดภัย
ในขณะที่ ด.ญ.บี กล่าวว่า นายโหน่งเป็นเพื่อนกับญาติ และอาศัยกินนอนที่บ้านญาติ จึงรู้จักกัน และนายโหน่งเคยยืมรถจักรยานยนต์แล้วหลายครั้ง ก่อนเกิดเหตุครั้งนี้ นายโหน่งยืมรถ และวานให้นั่งรถมาเป็นเพื่อน บอกว่ามาเอาเงินกับลุง ได้เงินแล้วจะเติมน้ำมันรถให้ จึงนั่งซ้อนท้ายรถมาด้วย แต่นายโหน่งไม่ไปหาลุง กลับขี่รถมาที่โรงเรียน แล้วก่อเหตุชิงเอาโทรศัพท์มือถือจากน้อง อ. เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง แต่ไม่กล้าห้าม เพราะกลัวนายโหน่งทำร้าย เพราะนายโหน่ง เป็นขาใหญ่ ที่ทำร้ายคนมาแล้ว จึงกลัว เมื่อนายโหน่งได้โทรศัพท์มือถือก็ให้ขับรถพากลับมายังบ้านเพื่อนที่บ้านดงมัน จึงเล่าเหตุการณ์ให้ญาติที่เป็นเพื่อนนายโหน่งฟัง เมื่อเพื่อนรู้เรื่องจึงไล่นายโหน่งออกจากบ้าน แล้วนายโหน่งก็หลบหนีไป
เครดิต ชุมชนข่าวขอนแก่น