1 เม.ย.2567  จำนวนประชากรที่ลดลงอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นผลมาจากทั้งสังคมสูงวัยและอัตราการเกิดที่ลดลง ได้กลายเป็นวิกฤตสำหรับญี่ปุ่น ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ความพยายามของรัฐบาลญี่ปุ่นในการจัดการกับความท้าทายเหล่านี้กลับประสบผลสำเร็จเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ล่าสุด โอจิ โฮลดิงส์ (Oji Holdings) ผู้ผลิตกระดาษและผ้าอ้อมรายใหญ่ของญี่ปุ่น ออกมาเปิดเผยว่าจะออกจากธุรกิจผ้าอ้อมเด็กในประเทศ เนื่องจากมีเด็กแรกเกิดน้อยลงและความต้องการก็ลดลง โดยมีแผนจะมุ่งเน้นไปที่ผ้าอ้อมผู้ใหญ่แทน เช่นเดียวกับ โอจิ เนเปีย (Oji Nepia) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ก็จะหยุดการผลิตและการจัดส่งผ้าอ้อมเด็กในเดือนกันยายนนี้

โอจิ โฮลดิงส์ ระบุว่า จำนวนการผลิตผ้าอ้อมเด็กต่อปีของบริษัทลดลงเหลือประมาณ 400 ล้านชิ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จากระดับสูงสุดที่ประมาณ 700 ล้านชิ้นในปี 2544 ขณะที่ยอดขายผ้าอ้อมสำหรับผู้ใหญ่ในญี่ปุ่น แซงหน้ายอดขายผ้าอ้อมเด็กมานานนับสิบปีแล้ว

ขณะที่ รัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่า นับจนถึงปี 2565 เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี มีสัดส่วนไม่ถึงร้อยละ 12 ของประชากรทั้งหมด แต่ในทางตรงกันข้าม ประชากรเกือบร้อยละ 30 มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ขณะที่จำนวนประชากรที่มีอายุมากกว่า 80 ปี พุ่งแตะร้อยละ 10 เป็นครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว ทำให้ทางบริษัท โอจิ โฮลดิงส์ วางแผนที่จะเพิ่มการผลิตผ้าอ้อมสำหรับผู้ใหญ่ในตลาดภายในประเทศแทน เพราะเชื่อว่าความต้องการจะยังคงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และมูลค่าตลาดอาจสูงถึง 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าขยายธุรกิจผ้าอ้อมเด็กในต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าความต้องการจะเพิ่มขึ้น โดยระบุว่าจะยังคงการผลิตในอินโดนีเซียและมาเลเซียต่อไป

จำนวนประชากรที่ลดลงซึ่งเป็นผลมาจากทั้งวัยชราและอัตราการเกิดที่ลดลง ได้กลายเป็นวิกฤตสำหรับญี่ปุ่น ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ความพยายามของรัฐบาลญี่ปุ่นในการจัดการกับความท้าทายเหล่านี้กลับประสบผลสำเร็จเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ที่มา สำนักข่าว BBC