หน้าแรก > อาชญากรรม

ปอศ. สกัดภัยอาชญากรรมออนไลน์ข้ามชาติ จับเครือข่ายบัญชีม้าหลอกลงทุนเทรดหุ้นต่างประเทศ

วันที่ 28 มีนาคม. 2567 เวลา 05:37 น.


ปอศ. สกัดภัยอาชญากรรมออนไลน์ข้ามชาติ จับเครือข่ายบัญชีม้าหลอกลงทุนเทรดหุ้นต่างประเทศ

พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ.สั่งการ พ.ต.อ.ธีรภาส ยั่งยืน ผกก.3 บก.ปอศ. เปิดปฏิบัติการ “CIB breaks up online scam syndicate สกัดภัยอาชญากรรมออนไลน์ข้ามชาติ” จับกุมบัญชีม้ารับจ้างบริษัทหลอกลงทุนเทรดหุ้นต่างประเทศ ประกอบด้วย
น.ส.สุ (นามสมมุติ) อายุ 59 ปี , นายวีระ (นามสมมุติ) อายุ 30 ปี , น.ส.กันยา (นามสมมุติ) อายุ 43 ปี , นายณุ (นามสมมุติ) อายุ 40 ปี , น.ส.รี (นามสมมุติ) อายุ 44 ปี , นายทัศน์ (นามสมมุติ) อายุ 44 ปี , นายวุฒิ (นามสมมุติ) อายุ 35 ปี และ น.ส.ลักษณ์ (นามสมมุติ) อายุ 44 ปี

ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง และเปิดหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีเงินฝากของตน โดยนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดอาญาอื่นใด”

ทั้งนี้ได้มีกลุ่มผู้เสียหายแจ้งความพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอศ. ว่าถูกกลุ่มคนร้ายชักชวนลงทุนหุ้นไทยและหุ้นต่างประเทศผ่านเพจเฟซบุ๊กโดยแอบอ้างบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการหุ้น เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ก่อนชักชวนเข้าร่วมกลุ่มไลน์ VIP แนะนำการลงทุนในหุ้นต่างประเทศซึ่งมีความแม่นยำและน่าเชื่อถือสูง อีกทั้งยังมีข้อมูลลับที่ใช้ในการลงทุน โดยให้ลงทุนผ่านแอปพลิเคชัน Nicshare (ซึ่งเป็นแอปปลอม) โดยช่วงแรกสามารถทำกำไรได้จริงและสามารถถอนเงินได้เพื่อให้ผู้เสียหายตายใจโอนเงินลงทุนเพิ่มอีกหลายครั้ง สุดท้ายก็ไม่สามารถถอนเงินออกมาได้

นอกจากนี้กลุ่มคนร้ายยังอ้างว่าถ้าจะถอนเงินจะต้องการวางเงินประกันการลงทุนเพิ่ม ต้องเสียภาษี ค่าธรรมเนียม และ ค่าประกัน ถึงจะถอนเงินได้ เมื่อผู้เสียหายทำตามที่คนร้ายบอก แต่ก็ยังไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ จึงตรวจสอบยังพบว่า แอปพลิเคชันดังกล่าว ไม่ได้รับการอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แต่อย่างใด เบื้องต้นพบว่ามีผู้เสียหายกว่า 50 ราย รวมมูลค่าความเสียหายเป็นเงินจำนวนกว่า 800 ล้านบาท ต่อมาเจ้าหน้าที่ ได้สืบสวนจนนำไปสู่นำไปสู่ปฏิบัติการจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาทั้งคนไทยและชาวต่างชาติจำนวนหลายรายเมื่อวันที่ 12 มี.ค. ที่ผ่านมา กระทั่งขยายผลไปยังกลุ่มบุคคลที่ได้จดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลเพื่อรับโอนเงินจากกลุ่มผู้เสียหายแล้วผ่องถ่ายโอนไปยังกลุ่มผู้รับผลประโยชน์ จำนวน 8 ราย

สอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมด ให้การรับสารภาพว่าได้ รับการว่าจ้าง ให้จดจัดตั้งนิติบุคคลและเปิดบัญชีธนาคารในนามนิติบุคคล เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือในการใช้หลอกลงทุน และหลบเลี่ยงการตรวจสอบการทำธุรกรรมทางการเงินของภาครัฐ จึงนำส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอศ. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม