วันที่ 22 มีนาคม. 2567 เวลา 10:46 น.
สืบเนื่องจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่สร้างความเสียหายแก่ประชาชนเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะในโลกยุคดิจิทัลที่มีช่องทางการติดต่อสื่อสารหลากหลาย มิจฉาชีพมักจะหารูปแบบในการหลอกลวงต่างๆ โดยโทรหลอกลวงประชาชนผ่านซิมม้า หรือหลอกให้โอนเงินผ่านบัญชีม้า แล้วจึงโอนต่อไปจนถึงผู้รับผลประโยชน์
ต่อมาได้รับแจ้งจากสายลับว่า สามารถติดต่อขอซื้อบัญชีพร้อมซิมการ์ดลงทะเบียนที่ใช้กับบัญชีธนาคารได้ จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ และดำเนินการล่อซื้อ โดยให้สายลับติดต่อขอซื้อบัญชีพร้อมซิมการ์ดกับผู้ขายผ่านทางเฟซบุ๊ก ตกลงจำหน่ายบัญชีพร้อมซิมการ์ดลงทะเบียน 2 ชุด ในราคา 5,000 บาท นัดซื้อขายกันที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง สาขาบ้านไผ่ จ.ขอนแก่น เมื่อถึงเวลานัดหมาย พบ น.ส.สุ (นามสมมุติ) ได้เดินมาหาสายลับยื่นบัญชีพร้อมซิมการ์ดจำนวน 2 ชุด และแจ้งว่าเป็นบัญชีธนาคารออนไลน์ไม่มีสมุดบัญชี จากการตรวจสอบพบว่าใช้งานได้จริง เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวจับกุมพร้อมของกลางทั้งหมด
เบื้องต้น น.ส.สุ (นามสมมุติ) ให้การว่า บัญชีธนาคารและซิมการ์ดลงทะเบียนทั้ง 2 บัญชีไม่ใช่ของตน ซึ่งเจ้าของบัญชีทั้ง 2 บัญชีเปิดบัญชีขายให้กับเว็บพนันไป และได้ให้ตนช่วยดำเนินการนำบัญชีดังกล่าวกลับมาใช้ใหม่ โดยเมื่อดำเนินการสำเร็จ จะมีเงินที่ทางผู้ซื้อบัญชีไปใช้ยังไม่ถอนออกติดบัญชีอยู่ ตนก็จะได้รับส่วนแบ่งจากเจ้าของบัญชีนั้น และเจ้าของบัญชีทั้งสองได้ให้บัญชีธนาคารกับตนไว้ ตนจึงนำบัญชีดังกล่าวมาขายให้กับสายลับ
ตำรวจไซเบอร์ กก.1 บก.สอท.3 แจ้งข้อกล่าวหา น.ส.สุ (นามสมมุติ) ว่า “เป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใด ๆ เพื่อให้มีการซื้อ ขาย ให้เช่า หรือให้ยืม บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่นใด และเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใด ๆ เพื่อให้มีการซื้อหรือขายเลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนาม ของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะได้ติดตามจับกุมเจ้าของบัญชีม้า และผู้เกี่ยวข้องทั้งขบวนการมาดำเนินคดีต่อไป