พ่อเอะใจลูกสาวไม่ซื้อข้าวไปให้ ออกตามหาพบจอดรถหน้าหมู่บ้าน เปิดประตูถึงกับช็อกลูกสาวรมควันในรถ จ.สมุทรปราการ

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 18 มีนาคม 67 ร.ต.อ. สหวัช แก้วดวงศรี รองสารวัตรสอบสวน สภ.บางแก้ว ได้รับแจ้งเหตุ ว่ามีคนไปพบร่างหญิงสาวเสียชีวิตอยู่ภายในรถ เหตุเกิดริมถนนทางเข้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ย่านกิ่งแก้ว ตำบลราชาเทวะ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ จึงประสานฝ่ายสืบสวน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวชสถาบันจักรกรีนฤบดินทร์ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู เดินทางไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ฮอนด้า สีดำ จอดนิ่งไม่สตาร์ทเครื่องยนต์แต่อย่างใด ภายในรถที่นั่งเบาะคนขับ พบร่างหญิงสาวรายหนึ่งปรับเอนเบาะนอนแน่นิ่งอยู่ ท่ามกลางอากาศและแดดที่ร้อนจัด เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู ต้องนำเต้นท์สนามมากลางคุมตัวรถคันดังกล่าวเพื่อลดความร้อนจากแสงแดด ก่อนจะให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องร่วมกันตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

จากการตรวจสอบพบศพ หญิงสาว อายุ 28 ปี เสียชีวิตจากการรมควันด้วยเตาถ่านอังโล่ ซึ่งถูกพบวางอยู่ที่พักฝั่งซ้ายด้านหน้า โดยมีถุงบรรจุถ่านวางที่เบาะ เจ้าหน้าที่จึงถ่ายรูปลงบันทึกประจำวันเบื้องต้น ก่อนจะนำร่างผู้เสียชีวิตรายนี้ออกมาด้านนอก ซึ่งจากการตรวจสอบสภาพศพไม่พบร่องรอยหรือบาดแผลใดๆ ตามร่างกาย คาดเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6  ชั่วโมง  

สอบถามเจ้าหน้าที่ รปภ.ของหมู่บ้าน บอกว่า ตนเองเห็นว่ารถคันดังกล่าวมาจอดริมถนนทางเข้าหมู่บ้านตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ที่ผ่านมา ตอนแรกก็ไม่ได้เอะใจอะไร กระทั่งเที่ยงผ่านไปเห็นจอดนานผิดสังเกต จึงมาตรวจสอบพบว่ามีคนขับนอนหลับในรถ แต่ไม่ได้ติดเครื่องยนต์ และเป็นจังหวะที่บิดาของหญิงคนดังกล่าวเดินทางมาเจอ จึงเปิดประตูรถตรวจสอบพบว่าเสียชีวิตแล้ว จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ

ขณะที่บิดา ของผู้เสียชีวิตรายนี้ ถึงกับคุกเข่าก้มกอดศพลูกสาวด้วยความเสียใจ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะนำร่างผู้เสียชีวิตส่งไปยังโรงพยาบาลรามาเพื่อชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง

โดยคุณพ่อเปิดใจกับนักข่าวว่า บุตรสาวป่วยด้วยโรคซึมเศร้ามาหลายปีจนต้องทานยาตามแพทย์สั่งมาตลอด ประกอบกับช่วงหลังเกิดความเครียดสะสมทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องงาน ปกติแล้วลูกสาวจะต้องซื้อข้าวเที่ยงมาส่งตนเองเป็นประจำทุกวัน แต่มาวันนี้รอข้าวเที่ยงจากลูกสาวไม่เห็นมา และมีคนในหมู่บ้านบอกว่าเห็นรถลูกสาวจอดที่หน้าหมู่บ้านจึงออกมาดูพบว่าลูกเสียชีวิตในรถแล้ว

เครดิต ฅนข่าว ต้นปราการ