วันที่ 5 มีนาคม. 2567 เวลา 15:19 น.
5 มีนาคม 2567 นักท่องเที่ยวและประชาชนจำนวนมากแห่ดูของแปลก หายาก อย่าง "ดอกซากศพ" เอกลักษณ์สำคัญของดอกไม้นี้ก็คือ การโชยกลิ่นเน่าคละคลุ้งไปทั่วสวนพฤกษศาสตร์ในสหรัฐ ตามปกติแล้ว "ดอกซากศพ" จะบานเป็นเวลาหนึ่งถึงสามวันทุกๆ 7 ถึง 10 ปี ซึ่งในช่วงที่บานสะพรั่งมันจะปล่อยกลิ่นอันทรงพลังซึ่งบางคนเรียกว่าเป็นกลิ่นที่เหมือนกับอาหารที่เน่าเปื่อยหรือถุงเท้าที่ชุ่มเหงื่อ
บรรดานักท่องเที่ยวต่างพากันต่อแถวเข้าชม และลองสูดดมกลิ่นเหม็นของ "ดอกซากศพ" (corpse flower) ที่ใกล้สูญพันธุ์ ซึ่งจะโชยกลิ่นเคลุ้งไปทั่วสวนพฤกษศาสตร์ ภายในพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ และสถาบันการวิจัย ในนครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ของสหรัฐ
เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า ดอกซากศพ มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการตามสายพันธุ์ของมันว่า "อะมอร์ฟอฟัลลัส ไททานั่ม" (Amorphophallus titanum) ดอกดังกล่าวจะบานเป็นเวลาเพียง 1-3 วันทุกๆ 7-10 ปีเท่านั้น ดอกไม้ชนิดนี้เวลาบานทีจะส่งกลิ่นเหม็นตลบอบอวลไปทั่วราวกับกลิ่นซากศพสมคำร่ำลือ ถือเป็นความน่าพิศวงของธรรมชาติ วึ่งการที่ต้นไม้ชนิดนี้ส่งกลิ่นออกมา ก็เพื่อล่อแมลงเข้ามาช่วยนำพาเกสรออกไปผสมกับดอกอื่น
ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวที่เข้ามาพิสูจน์กลิ่นของดอกไม้ดังกล่าวหลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่เคยเห็นดอกไม้สุดแปลกแบบนี้มาก่อน และกลิ่นของมันเหม็นเหมือนกับถุงเท้าเก่าๆ ขณะที่นักท่องเที่ยวบางคน บอกว่า กลิ่นของมันเหมือนหนูตายมาแล้ว 7 วัน หรือไม่ก็เศษอาหารบูดเน่า
"ดอกซากศพ" ปกติแล้วมีถิ่นกำเนิดในแถบเกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย และ สหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติระบุว่า "ดอกซากศพ" อยู่ในบัญชีรายชื่อพืชที่ใกล้สูญพันธุ์ โดยในป่าธรรมชาติจะเหลือไม่ถึง 1,000 ต้นเท่านั้น
ที่มา https://www.clickorlando.com/.../visitors-line-up-to-see.../