รอง ผบช.ภ.1 พร้อมปกครอง นัดไกล่เกลี่ย ลูกหนี้หอบลูก-เมียนอนป้ายรถประจำทาง พบประวัติกู้เงินซ้ำซากกลับใช้โครงการรัฐผิดวิธี

จากกรณีที่นายมนตรี วรทัศน์ทวีโชค อายุ 49 ปี พร้อมด้วย น.ส.สุทธิดาพร ขวัญชอบ อายุ 40 ปี สองสามีภรรยา พาลูกชายวัย 12 ขวบ นักเรียนชั้น ป.6 หลบหนีออกจากบ้านเช่า พร้อมแจ้งขอความช่วยเหลือจากทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ ว่าถูกเจ้าหนี้เงินกู้รายวันส่งลูกน้องมาตามทวงหนี้ที่หน้าบ้านและข่มขู่ว่าถ้านายมนตรีไม่หาเงินมาจ่ายค่าดอกเบี้ยจะพานั่งรถตู้ไปปรับความเข้าใจนั้น จนต้องหนีมาหลบอาศัยที่ป้ายจอดรถประจำทางหน้าศูนย์การค้าแห่งหนึ่งตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 27 ก.พ.67 ที่สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี  พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ รอง ผบช.ภ.1 ได้เดินทางมาเพื่อประชุมและตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว พร้อมกับนายชุ้น ณัฐเดช กังสุกุล ปลัดจังหวัดนนทบุรี น.ส.วรรณี วุฒิฤทธากุล นายอำเภอเมืองนนทบุรี 

ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อมูลของฝ่ายปกครองพบว่า เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.66 นายมนตรีพร้อมภรรยาได้เดินทางไปขอความช่วยเหลือจากศูนย์ไกล่เกลี่ยเงินกู้นอกระบบที่ว่าการอำเภอเมืองนนทบุรีไปแล้วครั้งหนึ่ง โดยในครั้งได้อ้างเหตุผลกับทางอำเภอว่าถูกเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบโทรมาขู่จะขับรถชนให้ตาย หลังนายมนตรีไม่มีเงินจ่ายค่าดอกเบี้ยรายวัน โดยในครั้งนั้นนายมนตรีอ้างว่าได้กู้เงินนอกระบบมาจากนายทุนเงินกู้ 3 เจ้า รวมเป็นเงิน 3.6 หมื่นบาท ต่อมาทางอำเภอได้นัดหมายไกล่เกลี่ยกับเจ้าหนี้ให้นายมนตรีไป โดยมีเจ้าหนี้บางรายยอมยกนี้ให้กับนายมนตรีไปเพราะไม่ต้องการให้เกิดปัญหาตามมา จนกระทั่งนายมนตรีมาตกเป็นข่าวอีกครั้งเมื่อหอบลูกกับเมียหนีเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบมาหลบอยู่ที่ป้ายรถประจำทางเพราะไม่กล้ากับเข้าบ้าน

ในเวลาต่อมาทาง พ.ต.อ.สมพล วงศ์ศรีสุนทร รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พร้อมด้วย พ.ต.ท.ภาสกร ไชยทวีวงศ์ รอง ผกก.สส.สภ.รัตนาธิเบศร์ ประสานให้ทางเจ้าหนี้เงินกู้ที่นายมนตรีและภรรยาได้ไปกู้ยืมมา มาสอบสวนเรื่องการข่มขู่จะอุ้มนายมนตรีขึ้นรถตู้ไปทำร้ายหลังไม่จ่ายดอกเบี้ย โดยทางเจ้าหนี้เงินกู้รายนี้ เปิดเผยต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครองในที่ประชุม พร้อมกับยืนยันว่า ไม่เคยพูดหรือข่มขู่นายมนตรีเลยสักครั้งว่าจะเอารถตู้ไปอุ้มนายมนตรีมาทำร้าย เพียงแต่บอกว่ามีอะไรให้มาคุยกัน แต่ทางนายมนตรีไม่ยอมและไปกล่าวหาใส่ร้ายตนต่าง ๆ นานา ว่าเป็นนายทุนจาก ปปส.บ้าง อ้างว่าเคลียร์กับตำรวจในพื้นที่บ้าง จนกลายเป็นข่าวคราวใหญ่โตเดือดร้อนกันไปหมด ทั้ง ๆ ที่ตนก็เป็นแค่คนธรรมดาทั่วไป ในวันที่นายมนตรีเข้ามาขอกู้ยืมเงินจากตนจำนวน 1.5 หมื่นบาท ได้หอบเอาลูกเมียมาด้วยโดยอ้างว่าจะนำเงินไปเป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัว ซึ่งนายมนตรีก็รับปากเป็นอย่างดีว่าสามารถหาเงินส่งรายวันให้ได้ ตนจึงตัดสินใจให้นายมนตรีหยิบยืมเงินจำนวนดังกล่าวไป ซึ่งก็ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่านายมนตรีจะมีพฤติกรรมในลักษณะนี้ คือเมื่อหาเงินมาจ่ายให้ตามสัญญาไม่ได้ ก็ไปแจ้งไปร้องสื่อว่าถูกเจ้าหนี้ข่มขู่จะทำร้ายจนต้องหลบหนีออกไปนอนนอกบ้านกัน เรียกร้องความสนใจให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครองลงมาช่วยเหลือเจรจาให้ยกหนี้หรือยืดระยะเวลาการใช้หนี้ออกไปเหมือนกับในครั้งแรกที่ไปร้องเรียนกับทางอำเภอเมืองนนทบุรีมาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งเรื่องนี้ตนในฐานะคนปล่อยเงินกู้ก็อยากให้ทางสังคมรับฟังด้วยใจที่เป็นกลางว่า เวลาเดือดร้อนมาขอหยิบยืมเงินจากตนไปหมุนไปใช้ กติกายังไงก็ยอมรับได้ ตนไม่ได้เอาปืนไปจี้ไปบังคับให้เขาต้องมากู้เงินจากตนไป แต่พอกู้ไปแล้วหาเงินส่งให้ไม่ได้พอถูกตามทวงถาม ก็มาอ้างว่าข่มขู่ ร้องขอความช่วยเหลือไปทั่วว่าจะถูกทำร้าย พฤติกรรมแบบนี้อยากให้ลองคิดดูว่าใครหัวหมอกว่ากัน เหมือนต้องการล้มหนี้ที่กู้ยืมไปโดยไม่ต้องคืนเงินหรือที่เรียกว่า ชักดาบ

พ.ต.อ.สมพล วงศ์ศรีสุนทร รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดพบว่าลูกหนี้รายนี้มีพฤติกรรมเที่ยวหยิบยืมเงินจากคนปล่อยกู้ทีละหลายเจ้า ลักษณะเหมือนกู้เงินโปะกันไปมา จนกระทั่งไม่สามารถหาเงินมาส่งได้ไหว ก็จะร้องขอความช่วยเหลือจากสื่อจากเพจและบุคคลที่มีชื่อเสียงต่าง ๆ ไปทั่ว เพื่อให้ลงมาช่วยเหลือเจรจากับคนปล่อยเงินกู้ให้ที ซึ่งเมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือฝ่ายปกครองยื่นมือเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ยกับทางเจ้าหนี้ให้ ทำให้เจ้าหนี้บางรายตัดความลำบากยกหนี้ให้ไป บางรายก็ยืดไปให้ผ่อนเป็นรายเดือนแทนรายวัน แต่นายมนตรีก็ยังไม่เข็ดหลาบไปหากู้หยิบยืมจากคนปล่อยเงินกู้รายใหม่ๆ มาแทนอีก ซึ่งพฤติกรรมในลักษณะนี้เหมือนยืมมือเจ้าหน้าที่ตำรวจกับฝ่ายปกครองไปกดดันเจ้าหนี้หรือคนปล่อยเงินให้กู้ยืมแทน

พ.ต.อ.สมพล กล่าวว่า ทั้ง ๆ ที่รัฐบาลมีโครงการตลาดนัดแก้หนี้นอกระบบ เพื่อไม่ให้ฝ่ายเจ้าหนี้ไปติดตามทวงหนี้กับลูกหนี้ด้วยวิธีการที่ผิดกฏหมายต่าง ๆ โดยตั้งใจให้ลูกหนี้กับเจ้าหนี้ได้พูดคุยหาทางออกและเจรจาร่วมกันด้วยความเข้าใจ แต่กลับถูกลูกหนี้บางรายนำโครงการนี้มาใช้ผิดวัตถุประสงค์ผิดความตั้งใจของรัฐบาล ทั้ง ๆ ที่รัฐบาลผลักดันโครงการนี้ขึ้นมาเพื่อหวังช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบหรือเดือดร้อนจริง ๆ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนำตัวนายมนตรี ลูกหนี้รายนี้และฝ่ายเจ้าหนี้ที่ปล่อยเงินกู้ให้กับนายมนตรีมาสอบปากคำแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหากับเจ้าหนี้รายนี้ในข้อหา คิดอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป แม้ว่าทางเจ้าหนี้รายนี้จะยินยอมยกหนี้จำนวน 1.5 หมื่นบาทให้กับนายมนตรีเพื่อตัดปัญหาไปแล้วก็ตาม