หน้าแรก > สังคม

ทนายเดชา - หลานอากู๋ เสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยันไม่ได้ใช้สื่อกดดันกัน พร้อมขออโหสิกรรม

วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 04:11 น.


ทนายเดชา - หลานอากู๋ เสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยันไม่ได้ใช้สื่อกดดันกัน พร้อมขออโหสิกรรม

วันที่ 26 ก.พ.2567 ที่ทำการทนายคลายทุกข์ นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความ และนายซัน หลานอากู๋ เจ้าของบ้านที่ถูกคู่กรณียื่นคำร้องให้ศาลมีคำสั่งครอบครองปรปักษ์ แถลงข่าวหลังจากเกิดเหตุหนึ่งในคู่กรณีในคดีทำร้ายตนเองเสียชีวิต ในห้องน้ำภายในห้องนอนชั้น 2 ของบ้านพัก พื้นที่ สน.คันนายาว

นายเดชา เปิดเผยว่า ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งอากู๋เองก็รู้สึกเสียใจเช่นกัน จึงขออโหสิกรรมให้ แต่ที่คาใจคือ การที่ทนายความของคู่ความให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า มีการใช้สื่อมวลชนเป็นเครื่องมือกดดันจนเป็นเหตุให้ผู้เสียชีวิตตัดสินใจกระทำแบบนั้นคงไม่ใช่สาเหตุหลัก เพราะการไปร้องเรียนสื่อมวลชนเพื่อเป็นปากเป็นเสียงให้ช่วยเหลือนั้นเป็นเรื่องปกติ เป็นการนำเสนอข่าวเพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับความเดือดร้อน ให้ได้รับความเป็นธรรม ตนเองเห็นว่าทนายความใช้คุณธรรมต้องนำกฎหมาย โดยผู้ถูกกล่าวหามีความเชื่อมั่นในตัวทนายความคนล่าสุดมาก ว่าจะสามารถนำบ้านมาเป็นของตัวเองได้

สำหรับความคืบหน้าคดีแรก ที่ผู้เสียหายแจ้งความข้อหาบุกรุก กับผู้ถูกกล่าวหา 5 คนนั้น พนักงานอัยการนัดฟังคำสั่งฟ้องวันที่ 6 มีนาคมนี้ เวลา 09.00 น. เมื่อผู้ถูกกล่าวหาเสียชีวิตไป 1 คน ก็ต้องจำหน่ายออกจากคดี ซึ่งแนวทางที่พนักงานอัยการจะสั่งคดี มีทั้งหมด 3 แนวทาง คือ สั่งฟ้องทั้งหมด, สั่งสอบเพิ่มเติม และสั่งไม่ฟ้อง

อย่างไรก็ตามนายเดชา อ้างว่าก่อนหน้านี้ สามีของผู้เสียชีวิต พร้อมกับสามีของผู้ถูกกล่าวหาอีกคน มาพบกับตนเองและโทรศัพท์มาพูดคุยว่า ภรรยาสำนึกผิดในการบุกรุกเข้าไปในบ้านของอากู๋ ซึ่งยินดีแสดงความรับผิดชอบ ด้วยการชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด และติดต่อไปยังอากู๋ ต้องการที่จะเข้ากราบอากู๋ มีความพยายามหลายครั้ง ซึ่งตนเองพยายามที่จะเป็นคนกลาง ช่วยคุยกับอากู๋ทั้งค่าเสียหาย และเรื่องคดีต่าง ๆ แต่อาจเป็นเพราะการเจรจายังไม่ไปถึงไหน จึงอาจทำให้เกิดความเครียดตัดสินใจก่อเหตุสลด

สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นผู้เสียชีวิตก็เสียใจ พยายามที่จะมาเยียวยาค่าเสียหาย ซึ่งคนที่ร้องศาลให้มีคำสั่งครอบครองปรปักษ์ ไม่ใช่ผู้เสียชีวิต แต่เป็นพี่สาวของผู้เสียชีวิต ซึ่งผู้เสียชีวิตรู้สึกในการกระทำและพร้อมเยียวยาค่าเสียหายทั้งหมด โดยส่งข้อความผ่านแอปพลิเคชันไลน์ให้ทนายความและแฟนของนายซัน เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีข้อความระบุว่า "ยังไงก็คิดซะว่าทำบุญให้คนป่วยแบบพี่ด้วยนะค่ะ"

โดยตอนนี้อากู๋ บอกแค่ว่า อยากให้มีการไกล่เกลี่ย ซึ่งอากู๋เสียใจและช็อคการซึ่งจะไกล่เกลี่ยโดยใช้กระบวนการทางกฎหมาย

นายซัน หลานชายของอากู๋ ได้ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต เรื่องแบบนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ซึ่งฝ่ายตนเองพร้อมที่จะเจรจาไกล่เกลี่ยที่ชั้นศาล ทางตนเองไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบนี้ ส่วนกรณีที่ทางทนายความคู่กรณีกล่าวโทษว่าฝ่ายตนเองพยายามใช้สื่อกดดันนั้น ฟังแล้วทำให้รู้สึกไม่ดีเลย ขณะนี้กำลังปรึกษากันว่า จะดำเนินการอย่างไรซึ่งตนเองทราบมาว่า ผู้ถูกกล่าวหา เตรียมยื่นเรื่องขอเจรจาและจะถอนฟ้องคดีปรปักษ์ แต่มีการตรวจสอบแล้วพบว่ายังไม่ได้ถอน ก่อนหน้านั้นยังโกรธอยู่เพราะบุกรุกมาซ้ำซ้อน แต่ตอนนี้ผ่านจุดนั้นมาแล้วเรื่องนี้จะขอว่ากันอีกที

ส่วนการจะขายบ้านหลังนี้ให้กับคู่กรณีหรือไม่ และดำเนินการกับคู่กรณีที่เหลืออย่างไร ต้องขอสอบถามพูดคุยกับอากู๋ก่อนเพราะตอนนี้อากู๋ยังช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเสียใจ 
 

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม