วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567 เพจเฟซบุุ๊ก DSI กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ประชาสัมพันธ์ ประกาศรางวัลให้ผู้ให้เบาะแส ผู้กระทำความผิด คดี ฆาตกรรม นางสาวโทโมโกะ คาวาชิตะ นักท่องเที่ยวญี่ปุ่น เหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2550 บริเวณ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย โดยมีรางวัลนำไปสู่การจับกุมคนร้าย 2,000,000 บาท

เมื่อวานนี้ (15 ก.พ.2567) นายยาสึอากิ คาวาชิตะ พ่อของ น.ส.โทโมโกะ คาวะชิตะ นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น ที่ถูกฆาตกรรมในช่วงเทศกาลลอยกระทง วันที่ 25 พ.ย.2550 ที่ จ.สุโขทัย เข้าพบ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม หลังจากก่อนหน้านี้ได้เดินทางไป จ.สุโขทัย เมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา และไปยังจุดที่พบศพบุตรสาว บริเวณวัดสะพานหินอีกครั้ง เป็นการกลับมาในรอบ 5 ปี หลังมีปัญหาสุขภาพและพบปัญหาสถานการณ์แพร่ระบาดโรคโควิด ตั้งแต่ปี 2562 โดยมี พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร่วมให้การต้อนรับ

นายยาสึอากิ กล่าวว่า การเดินทางมาครั้งนี้ เพื่อติดตามหน่วยงานที่รับผิดชอบคดี โดยเฉพาะผลการยื่นคำร้องขอให้คดีของลูกสาวไม่มีอายุความ เนื่องจากตามกฎหมายไทยกำหนดให้คดีมีอายุความ 20 ปี ซึ่งหมายความว่า คดีจะหมดอายุความลงในปี 2570 เพราะในญี่ปุ่น เพิ่งมีการเปลี่ยนกฎหมายในลักษณะคล้ายกันคือ ยกเลิกกฎหมายที่กำหนดอายุความ หรือคดีลักษณะนี้จะไม่มีวันหมดอายุความ และทวงถามการจ่ายสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เสียชีวิต รวมทั้งการแลกเปลี่ยนแบ่งปันข้อมูลข่าวสารทางคดีระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยและญี่ปุ่น

โดยพ.ต.อ.ทวี ระบุว่า ไทยยินดีรับเรื่องการอายุความในคดีอาญาไปพิจารณาความเป็นไปได้ในการแก้ไขกฎหมายและประสานความร่วมมือสืบสวนสอบสวนกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษส่วนค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้เสียชีวิตได้มีการเบิกจ่ายตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทน ค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญาเมื่อปี 2551 แล้ว อย่างไรก็ตาม จะพิจารณาสิทธิในการได้รับค่าทดแทนในส่วนอื่นที่มีสิทธิได้รับต่อไป

อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดเหตุ น.ส.โทโมโกะเสียชีวิต ทางครอบครัวได้มีการติดตามความคืบหน้าคดีมาอย่างต่อเนื่องมาตลอด โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตำรวจภูธรสุโขทัยและนายยาสึอากิ เคยประกาศตั้งรางวัลใหบุคคลที่ชี้เบาะแสและนำไปสู่การตั้งรางวัลนำจับในปี 2562 ถึง 1.6 ล้านบาท