หน้าแรก > อาชญากรรม

สาวไทยสะใภ้ญี่ปุ่น ร้องกองปราบฯ ถูกทนายความลักทองคำกว่า 51 บาท มูลค่ากว่า 1.6 ล้านบาท

วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 02:49 น.


สาวไทยสะใภ้ญี่ปุ่น ร้องกองปราบฯ ถูกทนายความลักทองคำกว่า  51 บาท มูลค่ากว่า 1.6 ล้านบาท

วันที่ 12 ก.พ. 67 ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พหลโยธิน จตุจักร กทม.จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ อดีต สห.ทอ.พร้อมด้วย นายณัฐปกรณ์ สุดชา หรือทนายเจส  ได้พา น.ส. อ้อ (นามสมมุติล) อายุ 38 ปี แม่ค้าสินค้าออนไลน์ สาวไทยซึ่งแต่งงานกับพนักงานบริษัทสามีชาวญี่ปุ่น แล้วไปอาศัยอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นกว่า 10 ปี เดินทางมาจากประเทศญี่ปุ่น เข้าพบ ร.ต.ท.วีรยศ สีหาบัง รอง.สว.(สอบสวน) กก.5.บก.ป. ร้องขอความเป็นธรรม ในกรณีที่ถูกทนายความคนหนึ่ง ซึ่งเป็นทนายความประจำสักนักงานทนายที่มีชื่อเสียง ใน จ.ลพบุรี ลักทรัพย์เป็นทองคำที่อยู่ภายในตู้เซฟ น้ำหนักกว่า 51 บาท มูลค่า 1.6 ล้านบาท เอาไปขายและจำนำ

น.ส.อ้อ เปิดเผยว่า เมื่อปี 63 ตนถูกเท้าแชร์โกง เพื่อนที่เมืองไทยแนะนำให้รู้จักทนายคนดังกล่าว ตนจึงติดต่อว่าจ้างให้ทำคดีเพียงแค่เขายื่นโนติ๊สไปเท่านั้น เท้าแชร์รายนั้นก็ยอมจ่ายเงินจำนวน 2 แสนบาทคืนทันที หลังจากนั้น ตนมีคดีความอื่นๆ ตามมาก็จะมอบให้ทนายคนนี้จัดการทุกเรื่อง จนไว้เนื้อเชื่อใจ เซ็นเอกสารมอบอำนาจให้เขาไว้ดำเนินการที่ประเทศไทย ขณะที่ตนไปอยู่อาศัยทำมาหากินที่ญี่ปุ่นกับสามีและคุณแม่

ต่อมาทนายความคนดังกล่าวได้ชักชวนให้ตนร่วมทำธุรกิจเกี่ยวกับการประกันตัวผู้ต้องหา ซึ่งตนเห็นว่าสามารถสร้างรายได้ จึงร่วมลงทุนไป 2 แสนบาท ต่อมากลางปี 2566  ทนายคนดังกล่าวได้ชักชวนให้ซื้อสวนทุเรียนและเปิดสำนักงานทนายความร่วมกันที่ จ.นครศรีธรรมราช โดยจะให้ตนเป็นเจ้าของสำนักงานด้วย มีการเตรียมห้องพักให้เมื่อเวลาตนเดินทางกลับมาประเทศไทย

แต่เนื่องจากเวลาส่วนใหญ่อยู่ที่ญี่ปุ่น เลยให้ทนายคนนี้ไปเอาเงินจากเพื่อน และให้ช่วยขนย้ายตู้เซฟที่ตนฝากไว้ที่บ้านของเพื่อน มาเก็บไว้ที่สำนักงาน ทนายคนดังกล่าวจึงได้เงินมาทำสำนักงาน และเอาตู้เซฟกลับมาที่สำนักงานให้ตน เนื่องจากเป็นหุ้นส่วนทำธุรกิจร่วมกัน ผู้เสียหายจึงได้ให้ความไว้วางใจ ยืนยันไม่เคยมีความสัมพันธ์อื่นนอกจากการทำธุรกิจร่วมกันเท่านั้นเอง

ต่อมาเมื่อตนเดินทางกลับมาที่ประเทศไทย ได้ไปที่สำนักงานและเปิดตู้เซฟพบว่า ทองคำแท่งและทองรูปพรรณที่ตนซื้อเก็บสะสมมาหลายปี น้ำหนักร่วม 51 บาท มูลค่ากว่า 1.6 ล้านบาทหายไป

มาทราบภายหลังว่าทนายความคนดังกล่าวได้ลักทรัพย์นำทองคำไปขายและจำนำให้กับร้านทอง โดยพบตั๋วจำนำทองคำอยู่ในสำนักงาน ตนพยายามทวงถามและให้ทนายชดใช้ความเสียหาย แต่ทนายคนดังกล่าวกลับบ่ายเบียงและเพิกเฉย ไม่ยอมคืนให้ ตนได้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช 2 คร้้งๆ แรกแจ้งไว้เป็นหลักฐานว่าทองคำหาย เมื่อทราบว่าทนายคนดังกล่าวเป็นคนเอาไปก็ไปแจ้งดำเนินคดี

แต่คดีไม่คืบหน้า อีกทั้งผู้ถูกกล่าวหาเป็นทนายความ และประจำอยู่ที่สำนักงานที่มีชื่อเสียง เคยติดต่อหัวหน้าสำนักงานทนายความคนดังกล่าว ก็ปฏิเสธไม่สนใจที่จะช่วยเหลืออะไร จึงเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ก่อนมาขอจ่าคิงส์ และทนายเจส พาเข้าแจ้งความที่กองปราบฯ ในคดีอาญาความผิดฐานลักทรัพย์ในวันนี้

ด้านทนายเจส กล่าวว่าสำหรับคดีนี้นอกจากเป็นคดีอาญาฐานลักทรัพย์และยังจะพาผู้เสียหายไปร้องพฤติกรรมทนายความที่สมาคมทนายความฯ ด้วย แนะนำผู้เสียหายให้ตรวจสอบประวัติการว่าความก่อนตัดสินใจใช้บริการทนายความท่านใด

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้เสียหายก่อนประสาน สภ.ท้องที่เกิดเหตุเร่งรัดคดีช่วยเหลือผู้เสียหายตามกฎหมายต่อไป

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม