วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 13:35 น.
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 3 ก.พ.67 นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมทีมงาน เดินทางลงพื้นที่บ้านเลขที่ 1/1 หมู่ 9 ซอยเลี่ยงปากเกร็ด 24 ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เพื่อช่วยเหลือคุณยายวัย 73 ปี หลังเพื่อนบ้านแจ้งว่าถูกลูกชายติดยาเสพติด และเมาทำร้ายร่างกายเป็นประจำ ล่าสุดถูกทำร้ายจนต้องหามส่งโรงพยาบาลกรมชลประทาน ปากเกร็ด นอนรักษาตัวกว่า 15 วัน
จากการลงพื้นที่พบ นายณัฐ (นามสมมุตติ) อายุ 49 ปี ลูกชายคนโต ทำงานบริษัทเอกชน เป็นผู้นำทีมผู้สื่อข่าว และเพจสายไหมต้องรอดเข้าตรวจสอบภายในบ้าน ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ตั้งอยู่หลังสุดท้าย ที่เป็นตรอกตัน มีเนื้อที่บ้านประมาณ 100 ตรว. ด้านข้างขวาของบ้านมีห้องพักลูกชายคนเล็กแยกออกจากตัวบ้าน ภายในบ้านชั้นล่างพบ คุณยายวัย 73 ปี นอนอยู่กับพื้นบนฟูก ร่างกายอ่อนเพลีย ไม่สามารถลุกเดินได้ แต่มีสติให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ ซึ่งพบว่าคุณยายมีโรคประจำตัว เป็นเบาหวาน ความดัน น้ำในหูไม่เท่ากัน รักษาตามสิทธิ์บัตรทอง รพ.กรมชลประทาน ปากเกร็ด จากนั้นทางเจ้าหน้าที่เพจสายไหมต้องรอด นำตัวคุณยายส่งบ้านบางแค เพื่อทำการฟื้นฟูสภาพร่างกาย และรักษาอาการป่วยเบื้องต้น โดยจะมีการทำกายภาพบำบัด หลังจากนั้นจะทำการตรวจสอบสภาพครอบครัวและชุมชน ว่าลูกสามารถดูแลคุณยายให้กลับคืนสู่ครอบครัวได้หรือไม่
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบห้องพักของนายสม (นามสมมุตติ) อายุ 47 ปี ลูกชายคนเล็ก ที่เป็นคนทำร้ายคุณยาย พบนอนพักอยู่ในห้อง สวมกางเกงขาสั้นตัวเดียว ไม่สวมเสื้อ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงตัวและขอตรวจห้องพัก พบอุปกรณ์เสพยาเสพติด สอบถามเบื้องต้นให้การรับสารภาพว่าได้ทำร้ายแม่จริง โดยการชกไป 1 ครั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวให้มาขอขมาแม่ที่นอนป่วย ซึ่งคุณยายวัย 73 ปี ก็ยอมให้อภัยลูกชายที่ทำร้ายตน แต่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฏหมาย
คุณยายวัย 73 ปี ผู้ป่วย กล่าวว่า ตอนนี้ตนมีอาการเจ็บที่ตนคอ ไม่สามารถลุกนั่งได้ ก่อนหน้านี้ตนลุกนั่งได้ ลูกชายคนเล็กทำร้ายบ่อยครั้ง ลูกชายคนเล็กเริ่มติดยาเสพติดตั้งแต่เรียน ปวช.ปี1 ก่อนติดยาเสพติดลูกชายเป็นเด็กดี กลับจากโรงเรียนตอนเย็นจะหุงข้าว ถูบ้าน ล้างจาน พิติดยาเสพติดนิสัยเขาเปลี่ยนไป ตนบอกเขาไม่รู้กี่รอบแล้วให้เลิกยาเสพติด จะต้องติดคุกกี่ปีตนไม่สนใจ เขาจะได้เลิกยาเสพติดและมาดูแลครอบครัวเขาให้ดี ตนไม่ค่อยห่วงเขาเพราะเขามีเมียมีลูกแล้ว ตนให้อภัยเขาถ้าเขาเลิกยาเสพติดได้
นายณัฐ (นามสมมุตติ) กล่าวว่า ตนเป็นลูกชายคนโต ทำงานคนเดียวหาเลี้ยงแม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ตนมีปัญหาครอบครัวแยกทางกับภรรยา ป่วยเป็นซึมเศร้า และแพนิค ต้องออกจากงานใช้เงินเก็บรักษาตัวอยู่ 1 ปี จึงเพิ่งกลับมาทำงานได้ ไม่มีเวลาดูแลแม่ตอนที่ตนทำงาน กลับมาก็จะเห็นแม่มีร่องรอยเขียวช้ำตลอด แม่ก็ไม่เคยบอกอะไรตนเพราะกลัวตนจะเอาตำรวจมาจับน้องชาย แต่รอบนี้ตนยอมไม่ได้แล้ว จากที่แม่ช่วยเหลือตัวเองได้และใช้ชีวิตได้ปกติ ทำจนแม่ช่วนเหลือตัวเองไม่ได้และกลายเป็นคนหลงลืมไปด้วย ก่อนหน้าเมื่อ 3-4 ปีก่อนน้องชายก็เมามาและขอเงินแม่ ทะเลาะกับแม่ตนเข้าไปห้ามก็ทะเลาะกันเขา เขาก็ทำลายทรัพย์สิน แจ้งความไปตรวจร่างกายไม่พบสารเสพติดตำรวจก็ปล่อยตัวมา ตนไม่มีใครช่วยเหลือจึงต้องร้องเรียนไปที่เพจสายไหมต้องรอด เพื่อใก้สังคมรับรู้ ว่าครอบครัวไหนที่มีคนเสพยาเสพติดและติดยานานๆ พอรับตัวไปและแค่บำบัด ออกมาก็ก่อเหตุและมีพฤติกรรมซ้ำๆอีกตนต้องทนเรื่องแบบนี้มาเกือบ 10 ปีแล้ว ตนทุกข์ทรมาน ชาวบ้านแถวนี้ก็ทุกทรมาน
นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กล่าวว่า สำหรับกรณีวันนี้ตนได้รับแจ้งจากเพื่อนบ้านและลูกชายคุณยาย เมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา คุณยายถูกลูกชายคนเล็กที่ติดยาเสพติด และดื่มสุราทำร้ายร่างกาย จนบาดเจ็บสาหัสเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลนานถึง 15 วัน มีการแจ้งความไว้ที่สภปากเกร็ด แต่ไม่ได้มีการนำตัวลูกชายคนเล็กไปดำเนินคดี หลังจากนั้นคุณยายได้กลับมารักษาตัวที่บ้าน แต่เพื่อนบ้านไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ เนื่องจากลูกชายคนโตไปทำงาน ในเวลากลางวันคุณยายจะอยู่บ้านลำพังและไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ นอนลักษณะติดเตียงอยู่คนเดียว เพื่อนบ้านก็หวาดกลัวไม่กล้าเข้ามาช่วยเหลือ เนื่องจากลูกชายคนเล็กเวลาเมาและเกิดการอาละวาด มีการจะใช้อาวุธมีดปาดคอเพื่อนบ้าน ล่าสุดเมื่อวาน คุณยายนอนอยู่คนเดียว และไม่ได้ทานอาหาร ตนเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญจึงได้ลงพื้นที่มาด้วยตัวเอง
นายเอกภพ กล่าวต่อว่า โดยในวันนี้ได้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่มา เพื่อเชิญตัวนายสมพร ลูกชายคนเล็ก ไปดำเนินคดี เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้จะสร้างปัญหาให้กับสังคม สำหรับกรณีที่ลูกชายคนเล็กเคยถูกจับ ไปแล้วและมีการปล่อยตัว ตนอยากฝากถึงผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรปากเกร็ด อย่าดำเนินคดีในเรื่องข้อหายาเสพติดซึ่งเป็นผู้เสพและผู้ป่วย ต้องมีการตรวจสอบพฤติกรรมของลูกชายคนเล็กด้วย ซึ่งเป็นการกระทำที่เย้ยกฎหมาย ทำร้ายร่างกายบุพการี ทำร้ายร่างกายเพื่อนบ้าน มีการข่มขู่และคุกคาม เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องไปแถลงต่อศาลเพื่อให้รับฝากขัง เพื่อให้มีการจัดการได้อย่างเด็ดขาด ตนเชื่อว่าศาลรับฝากขังอยู่แล้วเพราะคนแบบนี้เป็นอันตรายต่อสังคม การทำร้ายร่างกาย บุพการี ไม่ถือว่าเป็นเรื่องในครอบครัว ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ ลูกทำร้ายแม่น่าจะถึงกับเสียชีวิต คนแบบนี้มันเป็นเดนคนไม่สมควรใช้พรบ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว ได้ ซึ่งพบว่าผู้ก่อเหตุมีการกระทำซ้ำซาก ต้องใช้ข้อกฎหมายจัดการขั้นเด็ดขาด นอกจากนี้ยังค้นห้องพบอุปกรณ์เสพยาเสพติด ซองซิป ซึ่งผู้ต้องหาบอกว่ายาเสพติดหาซื้อได้ง่าย ฝากถึงผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรปากเกร็ดด้วย ให้ตรวจสอบว่าผู้ต้องหาซื้อมาจากใครและซื้อที่ไหน เพื่อทำการกวาดล้างให้ประชาชนไม่ต้องเดือดร้อนแบบนี้
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน โดยตั้งข้อหาทำร้ายร่สงกายบุพการีจนบาดเจ็บสาหัส และจะทำการตรวจสารเสพติดในร่างกาย ด้านคุณยายวัย 73 ปี ทางเพจสายไหมต้องรอดและบ้านบางแครับไปดูแลเป็นการชั่วคราวเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับสู่ครอบครังต่อไป
15 พฤศจิกายน 2567
เปิดผลตรวจ "แมวแม่หยัว" เผยผู้เชี่ยวชาญที่อ้างตอนวางยา ไม่ใช่สัตวแพทย์
15 พฤศจิกายน 2567
เปิดผลตรวจ "แมวแม่หยัว" เผยผู้เชี่ยวชาญที่อ้างตอนวางยา ไม่ใช่สัตวแพทย์