หน้าแรก > สังคม

ระวังหน้าพังไม่รู้ตัว! ปลอมเครื่องสำอางแบรนด์ดัง และเครื่องสำอางเถื่อน มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท

วันที่ 29 มกราคม 2567 เวลา 12:33 น.


29 มกราคม 2567 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย บก.ปคบ., สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ร่วมแถลงผลการปฏิบัติกรณี ทลายโกดังทุนจีนขายเครื่องสำอางปลอม และเครื่องสำอางเถื่อน โดยลวงขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ตรวจยึดของกลาง 36 รายการ จำนวนกว่า 14,000 ชิ้น

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ได้รับเรื่องร้องเรียนจากเจ้าของผลิตภัณฑ์ “ครีมทารักแร้ ยี่ห้อ ELA RAE” ให้ทำการตรวจสอบการจำหน่ายเครื่องสำอางปลอมผ่านแพลตฟอร์ม Tiktok ชื่อร้าน LUNA-TH เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากลูกค้าที่ซื้อกับทางร้านว่าเนื้อครีมมีลักษณะเปลี่ยนไปจากเดิม

เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจสอบร้านค้าออนไลน์ดังกล่าวพบว่า ผลิตภัณฑ์ครีมทารักแร้ยี่ห้อ ELA RAE ที่จำหน่ายเป็นสินค้าปลอมจริง โดยมีจุดสังเกตหลายจุด เช่น เนื้อครีมมีลักษณะข้น เหนียว สีคล้ำกว่าของแท้ ฉลากพิมพ์ข้อความภาษาไทยไม่ถูกต้อง เช่น เนียนบุ๋ม กลี่น สะอาต เป็นต้น และยังพบว่าร้านค้าดังกล่าวมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางอื่นๆ ที่ราคาถูกกว่าท้องตลาดอีกหลายรายการ จึงทำการสืบสวนจนทราบถึงสถานที่จัดเก็บสินค้าและกระจายสินค้าดังกล่าว

ต่อมาเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. ได้ร่วมกันนำหมายค้นของศาลอาญามีนบุรี เข้าทำการตรวจค้นโกดังซึ่งเป็นสถานที่จัดเก็บและกระจายสินค้าที่ผิดกฎหมาย ในพื้นที่ เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร โดยขณะตรวจค้นมี พนักงานแสดงตัวเป็นผู้ดูแลโกดังดังกล่าว ตรวจยึดของกลางรวม 36 รายการ รวม 14,720 ชิ้น มูลค่ากว่า 3,600,000 บาท โดยเป็นเครื่องสำอางปลอม และเครื่องสำอางต้องสงสัยว่าปลอม จำนวน 16 รายการ และเป็นเครื่องสำอางไม่มีเลขที่ใบรับจดแจ้งและเครื่องสำอางไม่แสดงฉลากภาษาไทย จำนวน 20 รายการ ดังนี้ รวม36รายการ

จากการสืบสวนเพิ่มเติมพบว่า โกดังเก็บสินค้าดังกล่าว มีการบริหารจัดการในลักษณะ “เก็บ แพ็ค ส่ง” หรือ Fulfillment โดย พนักงาน แจ้งว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นของ Mr. Shanke นายทุนสัญชาติจีน ซึ่งจะเป็นผู้สั่งสินค้าเครื่องสำอางที่เป็นกระแส และกำลังเป็นที่นิยมในสื่อออนไลน์มาจากประเทศจีน จากนั้นจะนำมาฝากไว้ที่โกดังเก็บสินค้าย่านลาดกระบังเพื่อรอแพ็คส่งให้ลูกค้าชาวไทย โดยกลุ่มนายทุนชาวจีนดังกล่าวจะเปิดร้านค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อใช้โฆษณาสินค้า เป็นจำนวนมาก รวม 9 ร้าน เพื่อกระจายการโฆษณาหากถูกปิดกั้นเพจ จากนั้นจะส่งออเดอร์-ที่อยู่การจัดส่ง ให้พนักงานทำการแพ็คบรรจุ และส่งให้กับลูกค้าชาวไทย โดยจะได้ค่าส่งชิ้นละประมาณ 10 บาท และทำมาแล้วประมาณ 2 ปี โดยมียอดการส่งสินค้าสูงถึง 5,000 – 10,000 ชิ้น/วัน

ในส่วนผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัยว่าปลอมอื่นๆ อยู่ระหว่างติดต่อให้ บริษัท เจ้าของผลิตภัณฑ์ตรวจสอบและยืนยันเพิ่มเติม และในส่วนตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ตรวจยึด พนักงานสอบสวนจะส่งตรวจพิสูจน์กับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข หากผลการตรวจวิเคราะห์พบวัตถุที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง จะเป็นความผิดเพิ่มเติมตาม พ.ร.บ.เครื่องสำอาง 2558 ฐาน “ขายเครื่องสำอางที่ไม่ปลอดภัยในการใช้” ระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

เบื้องต้นการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ. 2558

1. ฐาน “ขายเครื่องสำอางปลอม” ระวางโทษจำคุก 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

2. ฐาน “ขายเครื่องสำอางที่ไม่ได้จดแจ้ง” ระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท

3. ฐาน “ขายเครื่องสำอางที่ไม่มีฉลากภาษาไทย” ระวางจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือ ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

4. หากผลการตรวจวิเคราะห์พบวัตถุที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง จะเป็นความผิดเพิ่มเติมตาม พ.ร.บ.เครื่องสำอาง 2558 ฐาน “ขายเครื่องสำอางที่ไม่ปลอดภัยในการใช้” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้ หากพบจะดำเนินการทางกฎหมายให้ถึงที่สุด ทั้งนี้ผู้ที่พบเห็นการกระทำความผิดกฎหมายในลักษณะอื่นใด สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน ปคบ.1135 หรือ เพจ ปคบ.เตือนภัยผู้บริโภคได้ตลอดเวลา

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม