วันที่ 26 มกราคม 2567 เวลา 04:02 น.
จ.นนทบุรี แม่ค้าออนไลน์ เข้าแจ้งความพร้อมหลักฐานเงินกู้ "ดอกเบี้ยมหาโหด เกือบคิดสั้นโดดสะพาน"
เมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 25 ม.ค.67 ที่สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี นายอธิวัฒน์ สิริกังวาลวงศ์ ผู้ก่อตั้งเพจกล้าที่จะก้าว ได้พา น.ส.น้ำตาล (นามสมมุติ) อายุ 43 ปี แม่ค้าขายเสื้อผ้ามือสองออนไลน์ ใน อ.บางบัวทองพร้อมหอบหลักฐานเงินกู้นอกระบบดอกเบี้ยโหด เข้าแจ้งความกับ พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ ผกก.สภ.บางบัวทอง และ นายปวีณรัช ปาระมีศรี ปลัดอำเภอบางบัวทอง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.บางบัวทอง
โดยจากการตรวจสอบหลักฐานพบว่า น.ส.น้ำตาล ได้กู้เงินให้น้องชายที่ประสบอุบัติเหตุจาก น.ส.ตุ๊ก (นามสมมุติ) อายุ 25 ปี ผ่านทางไลน์ซึ่งทั้งสองเคยเล่นแชร์ด้วยกันมาก่อน โดยเมื่อวันที่ 6 ม.ค.67 น.ส.น้ำตาลได้ขอกู้เงินจำนวน 10,000 บาท กำหนดคืนเงินวันที่ 17 ม.ค.67 คิดดอกเบี้ยวันละ 1,300 บาท คิดจำนวนวันกู้ 12 วัน รวมดอกเบี้ย 15,600 บาท รวมยอดเงินที่ต้องคืน 25,600 บาท แต่ไม่สามารถจ่ายคืนได้ จึงนำยอดเงินต้นรวมดอก 25,600 บาท ทำสัญญาใหม่บวกค่าทำสัญญาอีก 2,000 บาท เป็นเงินต้นใหม่ 27,000 บาท ให้กำหนดชำระคืน 26 ม.ค.67 ยกยอดเงินต้นใหม่มา 27,000 บาท บวดดอกเบี้ยเก่า 1,300 บาทต่อวัน ค่าปรับ 1,000 ค่าดอกเบี้ยรายชม.2,400 บาท รวมดอกเบี้ยใหม่ที่ต้องจ่ายทุกวัน 4,700 บาท รวมยอดที่ต้องจ่ายวันที่ 26 ม.ค.เวลา 15.00 น. เป็นเงิน 69,300 บาท
ต่อมาวันที่ 10 ม.ค.67 น.ส.น้ำตาล ได้ขอกู้เงินเพิ่มอีกจำนวน 30,000 บาทเนื่องจากแม่ป่วยกะทันหัน มีกำหนดคืนเงินวันที่ 26 ม.ค.67 คิดดอกเบี้ยวันละ 2,500 บาท รวมทั้งหมด 17 วัน คิดดอกเบี้ยรวม 42,500 บาท โดยในวันที่ 26 ม.ค.ต้องจ่ายคืนเจ้าหนี้เป็นเงิน 72,500 บาท ทั้งนี้ น.ส.น้ำตาล กู้เงินมาทั้ง 2 ยอดต้องจ่ายเงินคืนในวันที่ 26 ม.ค.รวมเป็นเงิน 141,800 บาท
จากการสอบถาม น.ส.น้ำตาล เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังทั้งน้ำตา ว่า ตนไม่ได้คิดจะหนี แต่รู้สึกว่าเขาคิดมันเยอะเกินไป ดอกเบี้ยตนพร้อมที่จะจ่าย แต่เรื่องค่าปรับมันหนักมาก ซึ่งในข้อตกลงกู้ตนเองเป็นคนยอมรับที่เขาเสนอมา ตนผิดที่เข้าไปหาให้เขาช่วยตนยอมรับ ดอกเบี้ยที่เขาคิดวันละ 1,300 บาท มันก็น่าจะจบที่ 1,300 บาทแล้ว ในกรณีที่ข้ามวันหรือรายวันก็น่าจะปรับตนแค่วันละ 1,300 บาท ซึ่งเยอะอยู่แล้ว แต่เขากลับปรับตนเป็นรายชั่วโมง โดยคิดชั่วโมงละ 100 บาท แต่ถ้าเลยเที่ยงคืนจะปรับเพิ่มอีก 1,000 บาท หลังจากตี 1 ไปจนถึงเที่ยงวันจะปรับอีก 1,200 บาท มันไม่มีคำว่าสิ้นสุด เท่ากับค่าปรับรายวัน 3,400 บาท ยังไม่รวมดอกที่ต้องจ่ายให้เขาอีก 1,300 บาทต่อวัน ซึ่งจะเสียอยู่ประมาณวันละ 4,700 บาท
น.ส.น้ำตาล กล่าวว่า ตอนนี้ตนส่งไม่ไหวแล้วไม่รู้จักขายอะไรแล้วหมดตัว รถขาย ทองขาย ตอนนี้เหลือแต่ชีวิตที่ไปต่อไม่ได้แล้ว ตอนนี้เป็นห่วงแม่กับห่วงลูก แม่ตนไม่ค่อยดีไม่อยากให้เขาไปคุกคามแม่ หรือคนในบ้านตนที่เขาไม่เกี่ยวไม่รู้เรื่องนี้เลย ขอแค่คุยแล้วจบได้ตนพร้อมที่จะทำ อย่างที่ตนเล่นแชร์กับเขา ตนเป็นลูกแชร์ที่ดี ส่งตรงเวลาตลอดไม่เคยพลาด ซึ่งแชร์ในเดือนหน้าตนจะต้องได้รับอยู่ประมาณ 100,000 บาท ที่เล่นกับเขามา 2 ปีก็น่าจะถูกเขายึด แชร์วงนี้ตนอุตส่าห์เตรียมไว้จะบวชลูกชายของตน คงจะไม่ได้เงินแน่นอน และลูกของตนก็คงจะไม่ได้บวช เขาน่าจะเตรียมยึดเงินแชร์แล้ว เพราะมีหลายคนที่โดนกระทำแบบตนแต่ไม่มีใครกล้า สำหรับตนแค่ห่วงลูกกับหวงแม่เท่านั้นเอง รู้ว่าเป็นหนี้ก็ต้องคืน ล่าสุดตนกู้มาแค่ 10,000 บาทแต่ต้องคืนทั้งหมด 70,000 กว่าบาท ตนไม่ไหว 10 กว่าวันเป็นหนี้ 70,000 กว่าบาท
น.ส.น้ำตาล กล่าวต่อว่า มันสาหัสสำหรับตนมาก ตอนนี้มี 2 ยอดจะต้องจ่ายเขาทั้งหมดประมาณ 150,000 บาท บางวันต้องจ่ายให้เขา 5,200 บาท เงินให้ลูกชายไปจ่ายค่าสมัครเรียนก็ต้องให้ลูกโอนกลับมาก่อนเพื่อเอาไปจ่ายหนี้เขาก่อน ไม่งั้นเขาก็จะปรับอยู่แบบนี้ตลอดไป ถ้าไม่จ่ายเขาก็จะคุกคามแน่นอนอยู่แล้ว ไม่ได้มีแค่ตนคนแรกมีคนอื่นด้วยแต่เขาไม่กล้าออกมา เขาพูดมาตลอดไม่มีใครช่วยได้ บางคนกู้ 5,000 บาทรับผิดชอบหนี้เพิ่มไปเป็น 140,000 บาท เขาก็รอว่าตนจะไปทางไหนเพราะสุดท้ายทุกคนก็กลัวกันหมด กลัวว่าจะไปต่อกันได้หรือไม่เท่านั้นเอง ตนก็กลัวหลังชนฝาแล้วไม่สู้ก็ไม่มีอะไรจะขายแล้ว ขายทอง ขายรถยนต์ ก็เอาเงินให้เขาหมด ลูกตนตอนนี้ต้องทำงานมากกว่าวันละ 12 ชั่วโมง และกินข้าวแค่วันละมื้อเพื่อช่วยตน ตนสงสารลูกกับสิ่งที่แม่เขาก่อขึ้น
นายอธิวัฒน์ สิริกังวาลวงศ์ ผู้ก่อตั้งเพจกล้าที่จะก้าว กล่าวว่า วันนี้พาผู้เสียหายมาที่ สภ.บางบัวทอง แจ้งความเกี่ยวกับเงินกู้นอกระบบที่มีดอกเบี้ยสูง เช่นกู้ 20,000 บาทดอกเบี้ยวันละ 1,300 บาท โดยรวมแล้วต้องส่งคืนกว่า 70,000 บาท อย่างนี้ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย มีการแอบอ้างแม่ที่ทำงานอยู่ในหน่วยงานของราชการ ใส่เครื่องแบบของแม่มาทวงหนี้ ประชาชนทั่วไปก็เกิดความเกรงกลัวเป็นอย่างมาก ตอนนี้มีผู้เสียหายเพิ่มมาอีกหลายราย จะเรียกเข้ามาดูพยานหลักฐานและพามาแจ้งความ ถ้ารวมผู้เสียหายได้เยอะจะพาไปที่สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อไปร้องเรียนที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล
พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ ผกก.สภ.บางบัวทอง กล่าวว่า อันดับแรกคือข้อหาเก็บดอกเบี้ยเกินอัตรา เท่าที่ดูเอกสารข้อหานี้ค่อนข้างชัดเจน ขณะนี้กำลังรอการสอบสวนว่าจะไปถึงข้อหาไหนบ้าง ไม่ต้องห่วงเพราะเรื่องนี้เป็นนโยบายของรัฐบาล จากการสอบถามแล้วทราบว่าเจ้าหนี้ไม่ได้อยู่ในเขตบางบัวทอง เมื่อเราทราบเรื่องแล้วได้รีบดำเนินการโดยตนได้เชิญฝ่ายปกครองเข้ามาร่วมฟังการซักถามด้วย ฝ่ายปกครองก็จะร่วมกันแก้ไขปัญหานี้ ทางด้านตำรวจจะดำเนินคดีทุกข้อหาที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเข้าข่ายข้อหาเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา ถ้าพบว่ามีการโยงไปถึงไหนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะตรวจสอบเส้นทางการเงินโดยละเอียด เมื่อทราบข้อมูลแล้วจะประสานกันว่ามีผู้เสียหายในกรณีแบบนี้อีกกี่รายก็จะพยายามเรียกมาให้หมดเพื่อจะแก้ปัญหาเรื่องนี้โดยด่วน
นายปวีณรัช ปาระมีศรี ปลัดอำเภอบางบัวทอง กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทย ได้มีการจัดตลาดนัดแก้หนี้ในทุกอำเภอและทุกจังหวัด สำหรับลูกหนี้ถ้าประสบปัญหา ก็สามารถมาร่วมกิจกรรมตลาดนัดแก้หนี้ หรือมาก็จะมีศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเพื่อลงทะเบียนปัญหาหนี้นอกระบบ หรือให้คำปรึกษาข้อกฎหมายกับลูกหนี้ ถ้ายังอยู่ในกระบวนการที่ยังไกล่เกลี่ยได้ ก็จะใช้การไกล่เกลี่ยก่อนในเบื้องต้น แต่ถ้ามีการกระทำผิดกฎหมายไกล่เกลี่ยไม่ได้แล้ว และประสงค์ดำเนินคดีกับเจ้าหนี้ก็จะเป็นเรื่องการแจ้งความดำเนินคดี ส่งเรื่องไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สำหรับรายนี้ทางอำเภอจะประสานขอดูรายละเอียดอาชีพของลูกหนี้ พร้อมทั้งประสานสถาบันการเงินว่าสามารถขอกู้เงินในระบบได้หรือไม่ และหากติดขัดตรงส่วนไหน ทางอำเภอจะเข้าดำเนินการช่วยเหลือเพื่อให้เป็นไปตามขั้นตอนเพื่อนำลูกหนี้เข้าสู่ระบบให้ถูกต้อง