วันนี้ (4 กพ.66)   พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร.(กม)/ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผช.ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ บุญยืนอนนต์ ผบก.ปส.1และ พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผบก.ปส.4, ได้สั่งการให้สืบสวนหาข่าว เครือข่ายค้ายาเสพติดในทุกระดับ เพื่อจะตัดวงจรการลักลอบลำเลียงยาเสพติด รวมไปถึงจับกุม และขยายผลยึดทรัพย์เครือข่ายที่เกี่ยวข้อง และการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ให้เข้าสู่พื้นที่ชั้นในและในชุมชน รวมทั้งส่งออกไปยังประเทศที่สาม เน้นย้ำ ในการสืบสวนหาข่าวเครือข่ายหน้าใหม่ รวมทั้งกลุ่มเครือข่ายเก่า ตามนโยบายเร่งด่วนของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ซึ่ง บช.ปส. ได้สืบสวนขยายผลจนนำมาสู่การจับกุม 2 คดี

คดีแรก วานนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปราบปรามยาเสพติดนานากก.1 บก.ปส.1 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. จับ 2 ผู้ต้องหา คือนายไชยมงคล (สงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี และ นายชัชวาลย์ (สงวนนามสกุล)  อายุ 58 ปี  ได้ที่คอนโดพระราม 3 เรสซิเด้นท์ และห้องเลขที่ 1337 และ 1338 ชั้น 13 คอนโดพระราม 3 เรสซิเด้นท์  ย่านบางคอแหลม พร้อมของกลาง ไอซ์  277.1 กรัม , ยาอี 79 เม็ด ,คีตามีน 6.8 กรัม และ ไฟว์ไฟว์ 13 เม็ด  นอกจากนี้ยังตรวจยึดทรัพย์สิน  รถยนต์ BMW จำนวน 1 คัน , ทองรูปพรรณ , นาฬิกาโรเล็กซ์ กระเป๋าและรองเท้าแบรนด์เนม ต่าง ๆ รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า  5,000,000 บาท พร้อมแจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์,ยาอี) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายอันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (คีตามีน,ไฟว์ไฟว์) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต”

คดีที่ 2 เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาตำรวจ กก.2 บก.ปส.4 และ ตำรวจประจำด่านตรวจพาหนะชุมพร  จับ 3 ผู้ต้องหา  ภายในสวนปาล์ม ถนนเกาะเรือโกลนเขาสวนทุเรียน ม.7 ต.นาโพธิ์ อ.สวี จว.ชุมพร ต่อเนื่องหน้าร้านขายยามุโกะ ฟาร์มาซี  ริมถนนสวี-บ่อคา ม.7 ต.นาโพธิ์ อ.สวี จว.ชุมพร คือ

1.นายคมสันต์ (สงวนนามสกุล)อายุ 33 ปี

2.นางสาวอาทิตยา (สงวนนามสกุล)

3.นางสาวอรัญญา (สงวนนามสกุล)

พร้อมยึดยาบ้าประมาณ 388,000 เม็ด, รถยนต์ 2 คัน ราคารวม 1,400,000 บาท และ โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง 50,000 บาท  เบื้องต้น“ร่วมกันครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย  เพื่อการค้า  ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน ทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป , สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน”