หน้าแรก > อาชญากรรม

รวบ 2 แม่ลูกตั้งบริษัทยางพารา ตุ๋นกลุ่มนักธุรกิจร่วมลงทุน เสียหายกว่า 130 ล้านบาท

วันที่ 21 ธันวาคม 2566 เวลา 00:42


รวบ 2 แม่ลูกตั้งบริษัทยางพารา ตุ๋นกลุ่มนักธุรกิจร่วมลงทุน เสียหายกว่า 130 ล้านบาท

กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม กก.4 บก.ปอศ. ร่วมกันจับกุม นางสาวพิม (นามสมมุติ) อายุ 35 ปี และ นางภา (นามสมมุติ) อายุ 55 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 5 ธ.ค.66 ฐานความผิด  “ร่วมกันฉ้อโกง,ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน,ร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน,ร่วมกันโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” จับกุม บริเวณหน้าบ้านหมู่ 4 ถ.สุคนธาภิรมย์ ต.ระโนด อ.ระโนด จ.สงขลา

สืบเนื่องจากเมื่อประมาณเดือนพฤศจิกายน 2566 ผู้เสียหาย จำนวน 16 คน ได้มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. ด้วยเหตุเมื่อประมาณเดือนธันวาคม 2562 ได้มีผู้ต้องหา ซึ่งเปิดเพจเฟซบุุ๊ก มีผู้ติดตามกว่า 14,000 คน ทำการโพสต์ข้อความชักชวนร่วมลงทุน  ส่งออกยางพารา โดยอ้างว่าได้รับสัมปทานจากการยางแห่งประเทศไทย มีการประกอบธุรกิจในนามบริษัท พาราไทย ส่งออก จำกัด โดยมีการโพสข้อความและรูปภาพการทำธุรกิจต่างๆ อาทิเช่น การเข้าร่วมประชุมงานทั้งกับหน่วยงานราชการและภาคเอกชน การลงพื้นที่ทำงาน แสดงศักยภาพในการทำธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ โพสรูปหนังสือคำสั่งสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เรื่องแต่งตั้งผู้ต้องหาเป็นที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการเกษตรและสหกรณ์ และอื่นๆ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือมาโดยตลอด

กลุ่มผู้เสียหายหลงเชื่อการเชิญชวนของผู้ต้องหา จึงได้โอนเงินไปร่วมลงทุนกับผู้ต้องหา จนเมื่อเดือนกันยายน 2566 ผู้ต้องหาไม่สามารถจ่ายผลตอบแทนและเงินลงทุนคืนให้แก่ผู้เสียหายได้ เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหายรวมเป็นเงิน 130,737,974.32 บาท จากการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ทราบว่า ผู้ต้องหาในคดีนี้ คือ นางสาวพิม (นามสมมุติ) อายุ 35 ปี และ นางภา (นามสมมุติ) อายุ 55 ปี ซึ่งมีความสัมพันธ์เป็นแม่ลูกกัน ได้ร่วมกันจัดตั้ง บริษัท พาราไทย ส่งออก จำกัด ขึ้นมา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบกิจการขายส่งยางพาราและพลาสติก ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า บริษัทไม่มีการประกอบกิจการจริงแต่อย่างใด อีกทั้งไม่เคยได้รับสัมปทานใดจากการยางแห่งประเทศไทย

โดยผู้ต้องหาสร้างความน่าเชื่อถือโดยการโฆษณาชวนเชื่อผ่านทางสื่อโซเชียลออนไลน์ มีการชักชวนให้มาร่วมลงทุนในธุรกิจขายส่งยางพาราเสนอผลตอบแทนในอัตราร้อยละ 60- 80 ต่อปี และโครงการจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ด (Wood Pellet) เสนอผลตอบแทนในอัตราร้อยละ 20.74 ในระยะเวลา 19 วัน ซึ่งเป็นการเสนอให้ผลตอบแทนเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด  และจากการตรวจสอบเส้นทางเงินของผู้ต้องหา ทราบว่าผู้ต้องหามีพฤติการณ์นำเงินที่ได้จากผู้เสียหายมาหมุนเวียนจ่ายผลตอบแทนให้กับผู้เสียหายรายอื่นๆ และนำไปใช้จ่ายส่วนตัวโดยมิได้นำมาประกอบธุรกิจจริงแต่อย่างใด

ต่อมาพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. ได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติต่อศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสอง ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปอศ. สืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีไปกบดานอยู่ในพื้นที่จังหวัดสงขลา จึงได้นำกำลังเข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองราย จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฎิเสธตลอดข้อกล่าวหา นำส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป  

 

 

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม