วันที่ 19 ธันวาคม 2566 เวลา 11:56 น.
สืบเนื่องด้วยเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2558 เกิดเหตุการณ์ ผู้อำนวยการกองคลัง ระดับ ซี 7 ของอบต.แห่งหนึ่ง ในจังหวัดพิจิตรถูกไล่ออก ด้วยมีหน้าที่รับชำระหนี้ เงินยืมตามโครงการเศรษฐกิจชุมชน แล้วไม่นำเงินจำนวนดังกล่าวฝากเข้าบัญชีโครงการ และไม่ทำการบันทึกบัญชีรายรับ-จ่าย
ก่อความเสียหายต่อรัฐหลายครั้ง รวมเป็นเงินจำนวนหลายแสนบาท อาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่รับเงิน เบิกจ่ายเงิน ฝากเงิน เก็บรักษาเงินที่ได้รับชำระหนี้ตามโครงการเบียดบังเอาเงินเป็นของตนหรือผู้อื่นโดยทุจริต อันเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ พร้อมทีมงาน ลงพื้นที่สืบสวนจับกุมผู้ต้องหาในกรณีดังกล่าวนี้ เนื่องจากได้รับประสานหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 จากสำนักงาน ป.ป.ท. มาอีกส่วนหนึ่งว่าผู้ต้องหามีพฤติการณ์หลบหนี
ต่อมาวันที่ 19 ธ.ค. 66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปปป. นำโดย พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผกก.4 บก.ปปป. ,พ.ต.ท.ไสว จันทร์มา สว.กก.4 บก.ปปป. และ พ.ต.ต.อัครพล ปัทมานุสรณ์ สว.กก.4 บก.ปปป. พร้อมพวก ลงสืบสวนติดตามจนพบว่า นางสาวเอ(นามสมมติ) อดีตเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว ผู้ต้องหาตามหมายจับ หลบหนีซุกซ่อนอยู่ที่วัดในจังหวัดใกล้เคียงมากว่า 8 ปี
ด้าน พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผกก.4 บก.ปปป. กล่าวว่า นางสาวเอ มาอาศัยอยู่โดยอ้างว่าตนเคยเป็นผู้อำนวยการกองคลังที่ได้โกงเงินไปจริง ชดใช้เงินคืนให้จนครบแล้ว แต่ยังต้องถูกดำเนินคดีอาญาและทางวินัยอยู่ จึงหลบหนีมาอาศัยวัด และเปลี่ยนชื่อหนีการดำเนินคดีอาญา ปกปิดตัวเอง สุดท้ายยังไม่มีงานทำ เชื่อว่าหากช่วยเหลือวัด จะดวงดีขึ้น และไม่ถูกจับ
อ้างอีกว่าตนเองเป็นเพียงส่วนหนึ่งของขบวนการฉ้อราษฎร์บังหลวงนี้ ยังมีผู้ได้รับผลประโยชน์อีกหลายคนยังคงลอยนวล ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. จะได้สืบสวนจับกุมต่อไป ก่อนนำส่ง สภ.พรหมพิราม พื้นที่จับกุม เพื่อส่งศาลอาญาคดีทุจริคภาครัฐ ภาค 6 จ.พิษณุโลก ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป