หน้าแรก > สังคม

ตร.จับมือมหาดไทย เปิดโครงการ​ "ขับเคลื่อนการจราจรไทย​ไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน "Traffic Forward" หวังลดอุบัติเหตุทางถนน

วันที่ 18 ธันวาคม 2566 เวลา 12:23 น.


ตร.จับมือมหาดไทย เปิดโครงการ​ “ขับเคลื่อนการจราจรไทย​ไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน ”Traffic Forward" หวังลดอุบัติเหตุทางถนน​ ส่งเสริมให้ประชาชนมีวินัยด้านจราจรไม่ใช่เฝ้าระวังเพียงเฉพาะช่วงเทศกาล​ 7 วันอันตราย

วันนี้ (18 ธ.ค.66) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์​ สุขวิมล​ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ​ เปิดโครงการขับเคลื่อนจราจรไทยไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน​ Traffic​ Forward​ รวดเร็ว​ ปลอดภัย​ เข้าใจ​ ไปด้วยกัน​ โดยได้รับเกียรติจาก​ นายอนุทิน​ ชาญวีรกูล​ รองนายกรัฐมนตรี​ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย​ เข้าร่วม​ พร้อมกับได้รับความร่วมมือจากกรุงเทพมหานคร​ หน่วยงานในภาคีเครือข่าย​ มาร่วมพูดคุยถึงการรณรงค์สร้างจิตสำนึกด้านการจราจรให้กับประชาชนและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ​ กล่าวถึงโครงการ​ ขับเคลื่อนจราจรไทยไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน​ ว่า​ เป็นหนึ่งในนโยบาย​ ควิกวิน​ ของทางรัฐบาลและเป็นนโยบายที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำกันมาอย่างต่อเนื่อง​ เพื่อให้ประชาชนเห็นความสำคัญกับการเคารพกฎหมายจราจร​ คำนึงถึงความปลอดภัยบนท้องถนน​ ซึ่งนอกจากรณรงค์ขับขี่ปลอดภัยแล้ว​ ยังให้ความสำคัญกับการลดอุบัติเหตุบนท้องถนนที่ไม่เพียงเฝ้าระวังเฉพาะช่วงเทศกาล​ 7 วันอันตรายเท่านั้น​ แต่ประชาชนต้องมีจิตสำนึกการใช้รถใช้ถนนอยู่ตลอดทำให้เป็นวิถีชีวิตประจำวัน​

โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด​ ใน 10 มาตรการเร่งด่วนที่ต้องกวดขันและบังคับใช้กฎหมาย คือ ขับรถย้อนศร ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร ไม่สวมหมวกหมวดนิรภัย ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ขับรถบนทางเท้า หยุดรถบนทางม้าลาย แซงในที่คับขัน ไม่พกพาใบขับขี่ ใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ และใช้รถมอเตอร์ไซค์ที่ไม่ปลอดภัย พร้อมตั้งเป้าจะต้องลดอุบัติเหตุทางถนน​ ลดการสูญเสียชีวิตและบาดเจ็บ​ให้เห็นผลภายใน​ 3 เดือน​ และติดตามผลทุกไตรมาส​ 

ทั้งนี้​ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ​ เน้นย้ำ การบังคับใช้กฎหมายก็ทำเพื่อความปลอดภัยของประชาชน​ โดยตำรวจจะนำเทคโนโลยีเข้ามาร่วมในการปฏิบัติด้วย​ เช่น​ โดรนบินสำรวจสภาพการจราจร​ ระบบ​ AI เข้ามาตรวจจับทะเบียนรถที่ทำผิดกฎหมาย​ หรือทำผิดซ้ำซาก​ พร้อมเปิดอบรมประชาชนในโครงการอาสาตาจราจร​ เพื่อเข้ามาช่วยสนับสนุนการทำงานของตำรวจ​

นอกจากนี้ ยังประสานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองส่วนท้องถิ่น​ มาร่วมปฏิบัติ​ พร้อมยืนยันการบังคับใช้กฎหมาย​ เปรียบเทียบปรับผู้กระทำผิดกฎจราจร​ ค่าปรับจะถูกบริหารลงไปสู่ท้องถิ่นเพื่อจัดสรรนำไปปรับปรุงโครงสร้างการจราจร​ หรือ​ วิศวกรรมจราจร​ เช่น​ ปรับปรุงถนน​ เส้นทาง​ ป้ายแจ้งเตือน​ ซึ่งใช้แนวทางเดียวกันกับในต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม​ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ​ ระบุว่า​ การบังคับใช้กฎหมาย​เข้มงวด รณรงค์ให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการขับขี่ปลอดภัย​ สังคมตั้งความหวังไว้ที่ตำรวจแต่ในความเป็นจริงเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องช่วยกัน​ และเป็นเรื่องเกี่ยวกับทัศนคติระหว่างประชาชนกับตำรวจ​ จึงต้องเดินหน้าขับเคลื่อนด้านทัศนคติของตำรวจกับประชาชนด้วย​ เพื่อให้เกิดความเข้าใจซึ่งกันและกัน​ โดยปรับแนวคิดของตำรวจ​ให้​ เตือนก่อนปรับและปรับเป็นขั้นบันไดผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์​ ชื่อ​ ขับดี​ ซึ่งเชื่อว่าการบังคับใช้กฎหมายควบคู่กับสร้างการรับรู้​ ความเข้าใจให้กับประชาชนจะช่วยลดสถิติการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนลงได้

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม