วันที่ 17 ธันวาคม 2566 เวลา 17:52 น.
วันที่ 17 ธันวาคม 2566 พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2 และ โฆษก สตม. เผยถึงความพร้อมในการเตรียมรองรับนักท่องช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 ว่า คาดการณ์ว่าจะมีคนไทยและต่างชาติเดินทางเข้าออกระหว่างประเทศ โดยเฉพาะสุวรรณภูมิ กว่าวันละ 1.5 แสนคน จากเดิมราววันละ 1.2 แสนคน ต่อวัน อันเนื่องมาจาก นโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว วีซ่าฟรี ของทางรัฐบาล
โดยปัจจุบันสนามบินอาจมีการแออัดของผู้โดยสาร เนื่องจากการขยายตัวของเที่ยวบินและคนเดินทางที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสุวรรณภูมิเทียบกับพื้นที่อาคารผู้โดยสารที่มีในปัจจุบัน ดังนั้น จึงจำเป็นต้องใช้วิธีบริหารจัดการ เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อไม่ให้กระทบต่อผู้เดินทาง ในช่วงที่มีเที่ยวบินหนาแน่น ซึ่งจะมียอดคนเข้าประเทศสูงสุดราว 5,000-6,000 คนต่อชั่วโมง และคนออกประเทศสูงสุดราว 4,000 -5,000 คนต่อชั่วโมง
ทั้งนี้ ในฐานะรับผิดชอบการตรวจคนเข้าออก ทางด่าน ตม.สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ และหาดใหญ่ ทำหน้าที่คัดกรองคนเข้าออกประเทศ ภายใต้หลักความมั่นคงของประเทศ ได้กำหนดมาตรการรองรับสำคัญ ได้แก่
1. จัดกำลังพลเสริมหน้าที่เวร โดยให้ จนท.ตม.เสริมเวรประจำเคาท์เตอร์ ก่อนเวลาเข้าเวรปกติ 3-4 ชม.เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนกำลังพล โดยได้รับการสนับสนุน จนท.ตม.จากด่านต่างๆทั่วประเทศ จาก ผบช.สตม.มาอีก 150 นาย ซึ่งจะสามารถจัดกำลัลพลประจำเคาท์เตอร์ตรวจเข้า และออก ได้มากที่สุด
2. ใช้วิธีการเกลี่ยปริมาณ ผู้โดยสารขาเข้า ที่สุวรรณภูมิ ทั้ง 3 โซน ให้สมดุลย์กัน โดยหากฝั่งใดที่มีผู้โดยสารลงเครื่องหลายเที่ยวบินพร้อมกัน เป็นคลื่นคนขนาดใหญ่ทางฝั่งใด หากโถง ตม.ฝั่งนั้นเริ่มเต็ม ก็จะมี จนท.ตม.โบกให้ ผู้โดยสาร ไปโซนถัดไปที่หนาแน่นน้อยกว่า ซึ่งจะทำให้ได้รับการตรวจหนังสือเดินทางได้เร็วขึ้น
3. ผู้โดยสารที่มีเด็กเล็ก มีผู้สูงอายุ ผู้พิการ จะมีการคัดแยกให้รับการตรวจที่ช่องทาง Priority เพื่อบรรเทาความยากลำบาก
4. สำหรับผู้โดยสารคนไทย ได้ลดขั้นตอนการแสกนลายนิ้วมือที่ช่องตรวจหนังสือเดินทางไทย ทั้งขาเข้า และขาออก เนื่องจากคนไทยมีฐานข้อมูลหนังสือเดินทางไทยในระบบอยู่แล้ว
5. ประสานงานร่วมกับสายการบิน กรณีพบผู้โดยสารที่เสี่ยงตกเครื่อง ในขาออก ให้ประสานกับทาง ตม.ขาออก เพื่ออำนวยความสะดวกให้ทันขึ้นเครื่อง
6. พัฒนาระบบ Autometic channel ขาออก สุวรรณภูมิ ให้รองรับการตรวจคนต่างชาติที่ใช้ E-passport กว่า 70 ชาติทั่วโลก โดยเริ่มใช้งานตั้งแต่ 15 ธ.ค.66 เป็นต้นมา
พล.ต.ต.เชิงรณ กล่าวต่อว่า ในช่วงเที่ยวบินลงที่สุวรรณภูมิ พร้อมกัน บางชั่วโมงสูงถึง 25 เที่ยวบิน จะมีคลื่นผู้โดยสารขนาดใหญ่โถมเข้าที่โถง ตม. ซึ่งอาจมีภาพการสะสมของผู้โดยสาร ซึ่งทาง ตม.ได้มีมาตรการเร่งระบาย โดยใช้เวลาตรวจคัดกรองกว่า 7 ขั้นตอนตามมาตรฐานความมั่นคง ทันทีที่ยื่นพาสปอร์ตให้ จนท.ใช้เวลาไม่เกินคนละ 45 วินาที เท่านั้น
นอกจากนั้น ยังมีการทดลองจับเวลาผู้โดยสารที่เดินเข้าโถง รอคิว และรับการตรวจต่อคน พบว่า ใช้เวลารอเข้ารับการตรวจราว 18-20 นาที ซึ่งทาง ตม.จำเป็นต้องคัดกรองคนร้ายชาวต่างชาติที่อาจแฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยวมาด้วยเช่นกัน ส่วนขาออกที่สุวรรณภูมิ ต้องเผื่อเวลาในขั้นตอนการ check in ที่ Airline การผ่านจุดตรวจค้นตามหลักความปลอดภัยสากล การผ่าน ตม. และการเดินไปที่หลุมจอดเพื่อขึ้นเครื่อง ซึ่งโดยรวมอาจต้องเผื่อเวลาไว้ล่วงหน้า ไม่น้อยกว่า 3 ชม.
ทั้งนี้ในส่วนของ ตม. หลังจากที่มีการใช้ Autometic channel ขาออก สุวรรณภูมิ ให้รองรับการตรวจคนต่างชาติที่ใช้ E-passport กว่า 70 ชาติทั่วโลก แล้ว พบว่า สามารถระบายความหนาแน่นผู้โดยสารได้ดีขึ้น ราว 6,000 คนต่อชั่วโมง จากเดิมตรวจระบายได้เพียง 4,100 คน
15 พฤศจิกายน 2567
เปิดผลตรวจ "แมวแม่หยัว" เผยผู้เชี่ยวชาญที่อ้างตอนวางยา ไม่ใช่สัตวแพทย์
15 พฤศจิกายน 2567
ไฟไหม้กองขยะ ย่านซอยโชคชัย 4 แล้วลุกลามรถยนต์ที่จอดใต้อาคารเสียหาย 3 คัน
15 พฤศจิกายน 2567
เปิดผลตรวจ "แมวแม่หยัว" เผยผู้เชี่ยวชาญที่อ้างตอนวางยา ไม่ใช่สัตวแพทย์
15 พฤศจิกายน 2567
ไฟไหม้กองขยะ ย่านซอยโชคชัย 4 แล้วลุกลามรถยนต์ที่จอดใต้อาคารเสียหาย 3 คัน