หน้าแรก > อาชญากรรม

เด็กนักเรียน ม.3 ถูกหลอกทำงานออนไลน์ ถูกตำรวจออกหมายเรียก 9 หมาย แม่พาเข้าแจ้งความทั้งน้ำตา

วันที่ 11 ธันวาคม 2566 เวลา 20:54 น.


เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 11 ธันวาคม 2566 ที่ สภ.เมืองนนทบุรี นายนนทรานุวัตร พรมจันทร์ ประธานคณะติดตามงานจังหวัดนนทบุรี พร้อมด้วย น.ส.ใหม่ (นามสมมุติ) อายุ 37 ปี มารดา และ น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี ลูกสาว นักเรียนชั้นมัธยมศึกปีที่ 3 โรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเมืองนนทบุรี เดินทางเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ต. ไพรัตน์ นวนตะคุ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี ว่ามีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งหลอกให้ลูกสาวสมัครงานและเปิดบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง โดยให้ค่าจ้าง 200-300 บาท ทำให้ลูกสาวหลงเชื่อ จนถูกออกหมายเรียกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 9 หมาย จึงมาแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าว โดยได้รับหมายเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2566

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2566 เวลาประมาณ 13.00 น. น.ส.บี ได้เข้าไปติดต่อกับเฟซบุ๊กชื่อ" Fon Supaphon" ที่ลงโฆษณาว่า รับคนทำงานที่มีแอปพลิเคชั่นธนาคารอายุ 15 ปี ขึ้นไป จะได้รับเงิน 200-300 บาท จากนั้น น.ส.บี จึงกดสมัครหลัง จากนั้นได้รับเงินจากเฟซบุ๊กดังกล่าว จำนวน 200 บาทเข้าบัญชีธนาคาร หลังจากนั้นได้สั่งให้ น.ส.บี ลบแชทที่พูดคุยกันออกให้หมด ต่อมาวันที่ 7 ธันวาคม 2566 เวลาประมาณ 10.30 น. น.ส.บี ได้มีหมายเรียกผู้ต้องหาจาก สภ.เชียงแสน จ.เชียงราย ในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ ถึงรู้ว่าถูกหลอก ผู้ปกครองจึงได้พาเข้าแจ้งความ
   
จากการสอบถาม น.ส.บี (นามสมมุติ) ทราบว่า ตนอยากทำงานหาเงินเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัว จึงค้นหากลุ่มทำงานในเฟซบุ๊กเป็นงานออนไลน์ ตนก็กดเข้าไปดูว่ามีงานอะไรให้ทำบ้าง จนเจอเฟซบุ๊กดังกล่าวจึงกดเข้าไปดูรายละเอียดซึ่งตนสามารถสมัครได้ และทำงานไม่กี่ชั่วโมงก็จะได้เงิน 200-500 บาท ก็มีการคุยกันทางแชทถามรายละเอียดของตน จากนั้นเขาก็ส่งแอปฯ มาให้ทำตามขั้นตอน หลังจากทำเสร็จทางเฟซบุ๊กดังกล่าวก็โอนเงินมาให้ 200 บาท

จากนั้นก็มีหมายเรียกมาที่บ้าน หลังจากพ่อแม่ทราบก็พามาแจ้งตำรวจ มีการทำเรื่องตรวจสอบกับธนาคารจนพบว่ามีหมายเรียกทั้งหมด 9 สภ.หลายจังหวัด ตนตกใจมากตอนนี้พ่อแม่ช่วยเดินเรื่องให้ทั้งหมด ตนไม่ทราบว่าการสมัครงานเหล่านี้จะเป็นแอปของมิจฉาชีพมาหลอก ซึ่งคนร้ายใช้บัญชีตนไปหลอกเงินคนเข้าบัญชีตนมาจำนวน 200,000 บาท คนร้ายกดเงินออกไปหมดเหลือติดบัญชีหมื่นกว่าบาท ซึ่งเหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2566
    
ขณะที่ น.ส.ใหม่ (นามสมมุติ) มารดา กล่าวว่า ตนมาทราบว่าลูกสมัครงานไว้หลายที่ แต่ตนไม่ทราบเรื่องเพราะลูกอยู่กับตาและยาย ช่วงที่เกิดปัญหายายเป็นแม่ค้าขายข้าวแกง แต่ไม่มีทุนขายของ ไม่มีเงินให้ลูกตนไปกินที่โรงเรียน ซึ่งเป็นช่วงที่ตนผ่าตัดรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ช่วงนั้นไม่ได้ติดต่อกัน จนกระทั่งตนออกจากโรงพยาบาลจึงได้ทักไปหาลูก จึงทราบว่าลูกไม่มีเงินไปโรงเรียนและลูกไปขอพ่อเขามา 300 บาท เมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคมลูกโทรมาขอเงิน 200 บาท ตนจึงถามลูกว่าเอาไปทำไม จึงทราบว่าลูกไปกดแอปฯหางานทำ ตนจึงห้ามลูกไม่ให้กดแอปฯต่างๆ และประสานไปที่โรงเรียนว่าลูกถูกมิจฉาชีพคุกคามทางโซเชียลอยู่ มีการข่มขู่ลูกว่าถ้าไม่โอนจะเอาตำรวจมาจับ คุณครูจึงไปช่วยดูน้องและมีการบล็อคแอปฯต่างๆไป

จนมาวันที่ 7 ธันวาคมมีหมายมาจาก สภ.เชียงแสน จ.เชียงราย เป็นคดีอาญา ว่าลูกถูกแจ้งข้อหาฉ้อโกง ครอบครัวตกใจกันทั้งหมด ตากับยายร้องไห้ ตนจึงรีบเอาหมายมาตรวจสอบที่ สภ.เมืองนนทบุรี และได้มีการติดต่อไปที่ สภ.เชียงรายและติดต่อผู้เสียหายจนทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น ว่าลูกตนเปิดบัญชีให้เพจขายซิมเทพ ลูกจึงกลายเป็นบัญชีม้า หลังจากนั้นตนก็ไปติดต่อธนาคารจนทราบว่าลูกถูกออกหมายทั้งหมด 9 หมาย มีผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดีและอายัดบัญชีไว้แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แนะนำให้ไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีที่ออกหมายที่ใกล้ตนที่สุดก่อน เพื่อสอบปากคำ

น.ส.ใหม่ ยังได้กล่าวอีกว่า ตนไม่เคยสอนลูกเรื่องเหล่านี้เพราะไม่คิดว่าลูกจะไปหางานและสมัครงาน ด้วยอายุของลูกแค่นี้ แต่ลูกอยากมีรายได้ไปช่วยยาย และลูกก็ไม่บอกตนว่าไม่มีเงินไปกินที่โรงเรียน เพราะลูกรู้ว่าตนผ่าตัดอยู่ และพ่อเขามีครอบครัวใหม่ก็มีน้องเล็ก ลูกจึงไม่ได้บอกอะไร ลูกจึงคิดเองว่าทำงานออนไลน์ทำไม่นานก็ได้เงิน ตนต้องฝากถึงพ่อแท่ทุกคนว่าอย่าปล่อยปะละเลยเรื่องพวกนี้ เพราะเด็กเขาอาจจะไม่รู้ คิดว่าการหาเงินออนไลน์ได้เงินจริง มันจูงใจเด็ก เด็กสมัยนี้ไม่ได้ดูข่าวพอเกิดเรื่องแล้วมันเป็นเรื่องใหญ่อาจทำให้ลูกหมดอนาคตทั้งที่ยังเรียนหนังสืออยู่ ส่วนเด็กๆก็อย่าไปเชื่ออะไรในโซเชียลมันโกหก ให้ปรึกษาพ่อแม่ก่อน

นายนนทรานุวัตร พรมจันทร์ ประธานคณะติดตามงานจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากครอบครัวนี้ว่าเด็กถูกหลอกให้ทำธุรกรรมทางเฟซบุ๊ก มาหลอกเด็กทำงาน จนมีหมายเรียกมา พ่อแม่ก็ตกใจจึงให้ทีมงานตนช่วยเหลือพาเข้าแจ้งความและช่วยเหลือทางด้านติดตามคดี ตอนนี้อยู่ระหว่างขอตรวจสอบเจ้าของบัญชีที่โอนเงินให้น้อง 200 บาทเป็นค่าทำงานว่าเป็นใคร ที่นำไปสู่การทำความเสียหายให้น้องถึง 200,000 บาท จากนั้นจะออกหมายเรียกเจ้าของบัญชีมาดำเนินคดี หลังจากนี้ก็จะติดตามคดีหรือพาเข้าพบหน่งยงานตำรวจไซเบอร์ให้ติดตามขบวนการดังกล่าว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบพบว่ามีหมายเรียกจาก  1. สน.บางกอกน้อย , 2.สภ.บางกรวย , 3. สภ.รัตนาธิเบศร์ , 4. สถ.หนองแค , 5. สภ.บางปะอิน , 6. สน.พญาไท , 7. สภ.เมืองสุรินทร์ ,8. สภ.เชียงแสน และ 9. สภ.นครไทย ซึ่งพนักงานสอบสวนจะดำเนินการนัดเข้าสอบปากคำอีกครั้งหลังจากประสานเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพ ข้าร่วมสอบปากคำ

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม