เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 4 ธ.ค.66 รับแจ้งจากศูนย์วิทยุปราการ รับแจ้งมีรถต้องสงสัย เป็นรถบรรทุกตู้ทึบ 4 ล้อ  ยี่ห้ออีซูซุสีขาว หมายเลขทะเบียน ผจ 4922 นครปฐม หลบหนีการตรวจค้น จาก ทางด่วนบูรพาวิถี เขตพื้นที่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ  ก่อนที่จะลงจากทางด่วนเข้าถนนสุขุมวิท ต่อเนื่องถนนปู่เจ้าสมิงพราย พื้นที่ สภ.สำโรงใต้ โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทางพิเศษบูรพาวิถี นำรถกระบะไล่ติตตาม ต่อมา พล.ต.ต.วิชิต บุญชิณวุฒิกุล ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ จึงมีคำสั่งให้ ตำรวจพื้นที่ใกล้เคียง นำกำลังเข้าสกัดจับ

ต่อมาพบว่ารถกระบรรทุก 4 ล้อคันดังกล่าว มีคนขับเป็นชาย 1 คน  หลบหนีเข้าไปบริเวณบางโปรง ซึ่งเป็นทางตันก่อนที่จะ เร่งเครื่องวนออกมาบริเวณซอยผูกมิตร วนออกมาบริเวณถนนรถร่างสายเก่า และออกมาบริเวณถนนสุขุมวิท ก่อนที่จะเลี้ยวขวาเข้าถนนเทพารักษ์ พื้นที่ สภ.สำโรงเหนือ โดยระหว่างรถคันดังกล่าวหลบหนี ยังเฉี่ยวชนกับรถของชาวบ้าน ได้รับความเสียหายหลายกว่า 20 คัน กระทั่งมาถึงบริเวณใต้สถานีรถไฟฟ้าทิพวัล ถนนเทพารักษ์ ซึ่งเป็นพื้นที่ชุมชน และจราจรหน้าแน่น เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงใต้ ที่กำขับรถกระบะตราโล่ ติดตามไล่ล่าอย่างกระชัดชิด จึงตัดสินใจขับรถปาดหน้า ก่อนที่รถบรรทุก 4 ล้อ จะพุ่งชนรถตำรวจจนได้รับความเสียหาย ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่นั่งมาหลังกระบะตกรถได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 4 ราย ขณะเดียวกัน รถคันดังกล่าวยังพยายามยังไม่สิ้นฤทธิ์พยายามจะหลบหนี และยังถอยรถเกือบทับเจ้าหน้าตำรวจที่นอนอยู่กับพื้น จากนั้นกำลังตำรวจที่ไล่ตามอีกคัน จึงตัดสินใจใช้ปืนประจำกาย ยิงล้อยางทั้ง 4 ล้อ และยิงบริเวณกระจกหน้ารถเพื่อข่มขู่คนร้าย กระทั่งคนร้ายยอมมอบตัว ตำรวจจึงเข้าไปเปิดประตูลากตัวลงมาจากรถคุมตัวเอาไว้ได้ ทามกลางความตื่นตกใจของผู้เห็นเหตุการณ์จำนวนมาก

ส่วนคนขับรถบรรทุกที่ก่อเหตุ ทราบชื่อ นายเอ (นามสมมุตติ) อายุ  28  ปี เป็นชาวจังหวัดอุบลราชธานี อยู่ในสภาพมีอาการคล้ายคนเมาสารเสพติด และได้รับบาดเจ็บถูกเศษกระจกบาดบริเวณหน้าอก จึงประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนที่จะคุมตัวคนขับรถบรรทุก นำตรวจค้นรถ กระทั่งพบยาบ้า ซุกอยู่ใต้เบาะคนขับจำนวน 3 เม็ด จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน นายเอ (นามสมมุตติ) คนขับรถบรรทุก ให้การเบื้องต้นอ้างว่า สาเหตุขณะที่ตนเองกำลังขับรถไปของบริษัทไปส่ง ถังสารเคมีให้กับลูกค้า กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจค้น ตนตกใจจึงขับหลบหนีเนื่องจากในรถมียาเสพติดอยู่ กระทั่งถูกตำรวจไล่ล่าจับกุม ต่อมาตำรวจนำไปตรวจหาสารเสพติดในร่างกาย พบว่าเป็นสีม่วง และนายเอ (นามสมมุตติ) รับสารภาพว่า เสพยามาจริง 

ด้าน สิบตำรวจตรี พีรพัฒน์ อ่องผู้ดี ผบ.หมู่จราจร ปฎิบัติหน้าที่บนทางด่วนบูรพาวิถี เล่าว่า ตนเองและเจ้าหน้าที่ตำรวจนายอื่นกำลังปฎิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกงานจราจรบนทางด่วนกาญจนาพิเศษ ระหว่างนั้น สังเกตเห็นรถบรรทุกคันนี้ต้องสงสัย จากการติดธงชาติของประเทศเพื่อนบ้านอีกทั้งคนขับมีสีผมสีทองคล้ายกับเป็นบุคคลต่างด้าว จึงเรียกรถให้ชิดขอบทางด้านซ้ายเพื่อให้หยุดรถ เพื่อคนขับจอดรถชิดขอบทางด้านซ้ายจึงเชิญตัวลงมาจากรถเพื่อตรวจสอบบัตรประชาชนและใบอนุญาตขับขี่ แต่คนขับรายนี้อ้างว่าไม่มีและไปหยิบที่รถ ซึ่งในขณะนั้นตนเองเริ่มได้กลิ่นแปลกๆคล้ายกับกลิ่นของยาบ้าโชยมาจากตัวคนขับแล้ว แต่พอคนขับเดินกลับไปที่รถก็ขับรถเร่งเครื่องหลบหนีทันทีจึงไล่ติดตามและวิทยุสกัดจับ ดังกล่าว  

เจ้าหน้าที่เตรียมแจ้งข้อหาหนัก เบื้องต้นคือ ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในขณะปฎิบัติหน้าที่ , มีสารเสพติดในร่างกายขณะขับขี่ยานพาหนะ , มียาเสพติดประเภท 1 ยาบ้าไว้ในความครอบครองเพื่อเสพ , ขับรถโดยประมาทไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น ,ขับรถประมาทเป็นเหตุทำให้ทรัพย์สินของทางราชการและผู้อื่นได้รับความเสียหาย ,ส่วนจะเข้าข่ายพยามฆ่าเจ้าพนักงานในขณะปฎิบัติหน้าที่ด้วยหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างสอบสวนหากพบว่าเป็นการเข้าข่ายก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มทันที 

ขอบคุณข้อมูลจาก เพจข่าว สมุทรปราการ press , ตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ