สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดโครงการ "ลบประวัติ ล้างความผิด คืนชีวิตให้ประชาชน" คืนความเป็นธรรมให้ประชาชน ได้ 9.3 ล้านคน จากกว่า 13 คน 

วันนี้ (16 พ.ย.66) พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมแถลงเปิดโครงการ "ลบประวัติ ล้างความผิด คืนชีวิตให้ประชาชน" พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อคืนความเป็นธรรมให้ประชาชนแก้ไขปัญหาในการคัดกรอง เนื่องจากมีประชาชนจำนวนมากที่เคยมีประวัติถูกดำเนินคดีอาญา แต่ศาลพิพากษายกฟ้อง พนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้อง จะยังมีประวัติอาชญากรรมอยู่ในฐานข้อมูลของกองทะเบียนประวัติอาชญากร ทำให้ถูกตัดสิทธิ ไม่ได้รับพิจารณาเข้าทำงาน ขาดโอกาสหางาน กลับไปใช้ชีวิต ทำให้ขาดรายได้ และอาจทำให้ต้องก่ออาชญากรรม

จากข้อมูลที่ผ่านมา ตรวจสอบพบว่า มีรายการที่ยังไม่เคยมีการรายงานผลคดีถึงที่สุดในฐานข้อมูลของกองทะเบียนประวัติอาชญากร จำนวนกว่า 13 ล้านรายการ กองทะเบียนประวัติฯ ทำการแยกทะเบียนประวัติการกระทำความผิดออกเป็นทะเบียนประวัติ ผู้ต้องหาทะเบียนประวัติอาชญากรและทะเบียนประวัติผู้กระทำความผิดที่มิใช่อาชญากร รวมถึงการปรับปรุงระเบียบในการคัดแยกและถอนประวัติให้กับบุคคลที่มีประวัติจัดเก็บไว้ในฐานข้อมูลของกองทะเบียนประวัติอาชญากรให้เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย รวมทั้งหลักสิทธิมนุษยชนและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

โดยได้มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์การถอนประวัติการถอนข้อมูล ของกองทะเบียนประวัติอาชญากร ใน 9 ประเด็น คือ คดีมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง, ยกฟ้อง, มีกฎหมายยกเลิกความผิดนั้น เช่น ใบกระท่อม กัญชา, ผู้เสพยาเสพติดที่ผ่านการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดที่มีผลเป็นที่น่าพอใจ, ผู้ที่ได้รับการนิรโทษกรรม, มีกฎหมายล้างมลทิน, ได้รับการอภัยโทษ, ไม่มีการกระทำความผิดซ้ำภายใน 20 ปี, ผู้ต้องหาเป็นเด็ก หรือเยาวชน, มีคำพิพากษาใหม่ว่ามิใช่ผู้กระทำความผิด และคดีขาดอายุความ ทำให้สามารถคืนสิทธิ์ให้กับประชาชน ได้ 9.3 ล้านคน จากจำนวนกว่า 13 ล้านคน 

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดให้บริการประชาชนตรวจสอบคุณสมบัติว่าเป็นผู้ที่อยู่ในโครงการลบประวัติ ล้างความผิด คืนชีวิตให้ประชาชนหรือไม่ ผ่านเว็บไชต์ www.crd-check.com หากมีชื่ออยู่ในโครงการ หมายความว่าประวัติอาชญากรรมของท่านได้ถูกทำการคัดแยกและถอนประวัติเรียบร้อยแล้ว