วันที่ 16 พฤศจิกายน 2566 เวลา 10:54 น.
สีจิ้นผิงพบปะหารือโจ ไบเดน ในซานฟรานซิสโก
ซานฟรานซิสโก, 16 พ.ย. (ซินหัว) -- สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน และโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้พบปะหารือกันระหว่างการประชุมระดับประธานาธิบดีจีน-สหรัฐฯ ณ คฤหาสน์ฟิโลลี นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ ในวันพุธ (15 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น
สีจิ้นผิงเรียกร้อง 'จีน-สหรัฐฯ' แสวงหาหนทางถูกต้องเพื่อเดินหน้าไปด้วยกัน
วันพุธ (15 พ.ย.) สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้เรียกร้องจีนและสหรัฐฯ แสวงหาหนทางอันถูกต้องเพื่อเดินหน้าไปด้วยกัน
สีจิ้นผิงร่วมกล่าวเปิดการประชุมสุดยอดกับโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ณ คฤหาสน์ฟิโลลี ซึ่งอยู่ห่างจากนครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ ไปทางใต้ราว 40 กิโลเมตร โดยเขากล่าวถึงข้อเท็จจริงเชิงภาวะวิสัยที่ว่าจีนและสหรัฐฯ มีความแตกต่างทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ระบบสังคม และวิถีการพัฒนา
"ทว่าตราบเท่าที่จีนและสหรัฐฯ เคารพซึ่งกันและกัน อยู่ร่วมกันอย่างสันติ และแสวงหาความร่วมมือที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ ทั้งสองฝ่ายย่อมจะสามารถเอาชนะความแตกต่างเหล่านั้นได้อย่างเต็มที่และแสวงหาหนทางอันถูกต้องเพื่อสองประเทศใหญ่เดินหน้าไปด้วยกัน" สีจิ้นผิงกล่าว พร้อมแสดงความเชื่อมั่นหนักแน่นในอนาคตอันสดใสของความสัมพันธ์ทวิภาคี
สีจิ้นผิงกล่าวว่านับเป็นเวลาหนึ่งปีแล้วตั้งแต่เขาและไบเดนพบปะหารือกันที่เกาะบาหลีของอินโดนีเซีย ซึ่งมีสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นมากมายนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยโลกได้หลุดพ้นจากการระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) แต่ยังคงตกอยู่ภายใต้ผลกระทบมหาศาลจากโรคระบาดใหญ่
"เศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัวแต่ยังคงมีแนวโน้มชะลอตัว ห่วงโซ่อุตสาหกรรมและอุปทานยังคงตกอยู่ภายใต้ความเสี่ยงหยุดชะงัก และลัทธิคุ้มครองทางการค้ากำลังขยายตัวเพิ่มขึ้น ทั้งหมดนี้ถือเป็นปัญหาร้ายแรง" สีจิ้นผิงกล่าว
สีจิ้นผิงชี้ว่าความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ทวิภาคีที่มีความสำคัญมากที่สุดในโลก ควรเป็นที่ตระหนักเข้าใจและวางแผนภายใต้บริบทของการเปลี่ยนแปลงระดับโลกที่ไม่เคยพานพบในรอบศตวรรษ โดยความสัมพันธ์นี้ควรพัฒนาในทิศทางที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนของสองประเทศและปฏิบัติหน้าที่ของเราต่อความก้าวหน้าของมนุษยชาติ
ประธานาธิบจีนกล่าวว่าในระยะเวลา 50 กว่าปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ไม่ได้เป็นไปอย่างราบรื่นโดยตลอด มักจะประสบปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่งเสมอมา ทว่าความสัมพันธ์นี้ยังคงขับเคลื่อนไปข้างหน้าท่ามกลางสถานการณ์อันยุ่งยากสลับซับซ้อน
"สำหรับสองประเทศใหญ่เฉกเช่นจีนและสหรัฐฯ การหันหลังให้กันไม่ใช่ตัวเลือก การพยายามเปลี่ยนแปลงอีกฝ่ายหนึ่งไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง รวมถึงความขัดแย้งและการปะทะเผชิญหน้าจะสร้างผลพวงร้ายแรงแก่ทั้งสองฝ่าย" สีจิ้นผิงกล่าว
สีจิ้นผิงเน้นย้ำมุมมองที่ว่าการแข่งขันของประเทศใหญ่มิใช่กระแสแห่งยุคสมัยปัจจุบัน และมิสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่จีนและสหรัฐฯ หรือโลกเผชิญอยู่ได้ โดยโลกใบนี้กว้างใหญ่เพียงพอที่สองประเทศสามารถประสบความสำเร็จได้ และความสำเร็จของประเทศหนึ่งเป็นโอกาสสำหรับอีกประเทศ
นอกจากนั้นประธานาธิบดีจีนกล่าวว่าในฐานะผู้นำของความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ เขาและไบเดนได้แบกรับภาระความรับผิดชอบอันหนักหน่วงเพื่อประชาชนของสองประเทศ เพื่อโลก และเพื่อประวัติศาสตร์
สีจิ้นผิงเฝ้าหวังจะได้แลกเปลี่ยนมุมมองเชิงลึกและบรรลุความเข้าใจใหม่กับไบเดนในประเด็นเชิงยุทธศาสตร์สำหรับการกำหนดทิศทางของความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ และประเด็นสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสันติภาพและการพัฒนาของโลก
ด้านไบเดนกล่าวว่าเขาให้คุณค่ากับการสนทนากับสีจิ้นผิงเพราะคิดว่าเป็นสิ่งสำคัญยิ่งที่ผู้นำทั้งสองจะเข้าใจกันอย่างชัดแจ้ง พร้อมเสริมว่าพวกเขาจำเป็นต้องรับรองว่าการแข่งขันไม่ได้หักเหกลายเป็นความขัดแย้ง และจำเป็นต้องกำกับดูแลการแข่งขันนั้นอย่างมีความรับผิดชอบ
ไบเดนกล่าวว่าความท้าทายสำคัญระดับโลกที่ทั้งสองประเทศเผชิญ ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การปราบปรามยาเสพติด จนถึงปัญญาประดิษฐ์ ต้องการความพยายามร่วมกันจากทั้งสองฝ่าย
สีจิ้นผิงเรียกร้อง 'จีน-สหรัฐฯ' ร่วมแสดงความรับผิดชอบในฐานะประเทศใหญ่
ซานฟรานซิสโก, 16 พ.ย. (ซินหัว) -- วันพุธ (15 พ.ย.) สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เรียกร้องจีนและสหรัฐฯ ร่วมกันแสดงความรับผิดชอบในฐานะประเทศใหญ่
สีจิ้นผิงกล่าวระหว่างพบปะหารือกับโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ณ คฤหาสน์ฟิโลลี นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ ว่าปัญหาต่างๆ ที่สังคมมนุษย์กำลังเผชิญอยู่ไม่สามารถแก้ไขได้โดยปราศจากความร่วมมือระหว่างประเทศใหญ่
สีจิ้นผิงกล่าวว่าจีนและสหรัฐฯ ควรทำให้เป็นแบบอย่าง ยกระดับการประสานงานและความร่วมมือในประเด็นระหว่างประเทศและภูมิภาค และจัดสรรสินค้าสาธารณะแก่โลกมากขึ้น
สีจิ้นผิงเสริมว่าทั้งสองฝ่ายควรเปิดกว้างต่อกันและกัน หรือประสานงานและเชื่อมโยงกันเพื่อการทำงานร่วมกัน
15 พฤศจิกายน 2567
เปิดผลตรวจ "แมวแม่หยัว" เผยผู้เชี่ยวชาญที่อ้างตอนวางยา ไม่ใช่สัตวแพทย์
15 พฤศจิกายน 2567
ไฟไหม้กองขยะ ย่านซอยโชคชัย 4 แล้วลุกลามรถยนต์ที่จอดใต้อาคารเสียหาย 3 คัน
15 พฤศจิกายน 2567
เปิดผลตรวจ "แมวแม่หยัว" เผยผู้เชี่ยวชาญที่อ้างตอนวางยา ไม่ใช่สัตวแพทย์
15 พฤศจิกายน 2567
ไฟไหม้กองขยะ ย่านซอยโชคชัย 4 แล้วลุกลามรถยนต์ที่จอดใต้อาคารเสียหาย 3 คัน