หน้าแรก > อาชญากรรม

รวบสาวใช้ป้ายทะเบียนรถปลอม และป้ายแสดงการชำระภาษีประจำปีก็ปลอมด้วย

วันที่ 6 พฤศจิกายน 2566 เวลา 13:20 น.


กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ร่วมกันจับกุม นส.ศศิยาพัชร อายุ 40 ปี  ฐาน ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม  พร้อมตรวจยึดของกลาง 1. รถยนต์ ยี่ห้อ Nissan รุ่น almera สีดำ จำนวน 1 คัน พร้อมกุญแจ 1 ดอก/ ​2. แผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ จำนวน 2 แผ่น/​3. แผ่นป้ายแสดงการชำระภาษีประจำปี จำนวน 1 แผ่น โดยจับกุมได้ บริเวณถนนพหลโยธิน ทล.1 กม.357 ต.หนองกรด อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์

พฤติการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พบว่ารถยนต์เก๋งยี่ห้อ NISSAN สีดำ กระทำความผิดกฎจราจร โดยขับขี่รถฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรบริเวณแยกค่ายจิรประวัติ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ แต่เมื่อตรวจสอบข้อมูลรถยนต์หมายเลขทะเบียนดังกล่าวพบว่าสีและยี่ห้อไปตรงกับรถคันอื่น จึงได้บันทึกข้อมูลลงในระบบการแจ้งเตือนรถต้องสงสัยสวมทะเบียน

ต่อมาตามวันเวลาที่จับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับการแจ้งเตือนของกล้องตรวจจับการกระทำความผิดจาก “ศูนย์ปฏิบัติการตรวจสอบและเฝ้าระวังรถต้องสงสัย”Suspect Vehicle Command Center(SVCC) ของกล้องตรวจจับบริเวณ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 และ หมายเลข 1 ว่ามีรถยนต์ต้องสงสัยสวมทะเบียน ยี่ห้อ Nissan รุ่น almera สีดำ ผ่านบริเวณดังกล่าวและกำลังจะวิ่งผ่านจังหวัดนครสวรรค์ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ออกตรวจสอบและติดตามรถคันดังกล่าวจนมาถึงบริเวณ ทล.1 กม.357 ต.หนองกรด อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ จึงได้ทำการตรวจสอบพบ นส.ศศิยาพัชรฯ เป็นผู้ขับขี่ จากการตรวจสอบพบว่า แผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ เป็นป้ายปลอมทั้งแผ่นหน้าและแผ่นหลัง และพบว่าแผ่นป้ายแสดงการชำระภาษีประจำปีเป็นเอกสารปลอม ซึ่งไม่ได้มาจากที่กรมการขนส่งออกให้ โดยแผ่นป้ายทะเบียนดังกล่าว ที่ติดตรึงไว้ที่ด้านหน้าและด้านหลังตัวรถ และแผ่นป้ายแสดงการชำระภาษีที่ติดไว้บริเวณกระจกหน้าด้านในตัวรถนั้น กระทำเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง

จากการสอบสวน นส.ศศิยาพัชร ให้การว่าได้ติดต่อซื้อรถยนต์คันดังกล่าวมาจากเพจ facebook จำชื่อไม่ได้ เมื่อประมาณเดือนพฤศจิกายน 2565 ในราคา 65,000 บาท โดยการชำระเงินสด และมีการนัดส่งมอบรถยนต์คันดังกล่าวกันที่จังหวัดปทุมธานี โดยมีผู้หญิงไม่ทราบชื่อเป็นผู้ขับรถยนต์คันดังกล่าวมาส่งมอบให้และเป็นผู้รับสดเงินไป  

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหา นส.ศศิยาพัชรฯ ให้ทราบว่ากระทำความผิดฐาน “ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม” ได้แจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิ ให้แก่ผู้ถูกจับทราบและเข้าใจเป็นอย่างดีแล้ว

จากการตรวจสอบข้อมูลรถยนต์คันดังกล่าว มี พบว่ารถยนต์คันดังกล่าว  มีชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์คือ ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด(มหาชน) มีชื่อนายธีระพงษ์ฯ เป็นผู้ครอบครอง จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นพบว่ามีข้อมูลการค้างชำระค่างวด จำนวน 15 งวด งวดละ 5,534 บาท  

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สอบถามไปยังนายธีระพงษ์ โดยนายธีระพงษ์ เล่าว่า ตนได้ซื้อรถยนต์คันดังกล่าวมาจากเต้นท์รถมือสอง โดยหลังจากซื้อมาได้ให้นายกอล์ฟ ซึ่งเป็นญาติของตนนำรถคันดังกล่าวไปใช้ โดยนายกอล์ฟ บอกกับตนว่าจะเป็นผู้ชำระค่างวดเอง กระทั่งต่อมา บริษัทไฟแนนซ์ ได้ยื่นฟ้องนายธีระพงษ์ฯ เนื่องจากรถยนต์คันดังกล่าวค้างชำระค่างวดถึง 15 งวด ซึ่งนายธีระพงษ์ฯ ไม่สามารถนำรถคันดังกล่าวมาส่งคืนให้กับไฟแนนซ์ได้ และก็ไม่ทราบว่ารถคันดังกล่าวไปอยู่กับใครที่ใด ซึ่งตนก็พยายามติดตามหารถคันนี้มาโดยตลอด จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงนครสวรรค์สามารถจับกุมและตรวจยึดรถคันนี้ไว้ได้

​โดยนายธีระพงษ์ฯ รู้สึกดีใจและสบายใจขึ้นมาก จากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงสามารถติดตามจับกุมและตรวจยึดรถคันดังกล่าวไว้ได้ ซึ่งถ้าหากตนยังไม่สามารถนำรถคันดังกล่าวไปส่งมอบให้กับบริษัทไฟแนนซ์ได้ ตนจะต้องชดใช้เงินเป็นจำนวนหลายแสนบาท ซึ่งตนก็ยังไม่รู้ว่าจะหาเงินจำนวนนี้มาจากไหน ทั้งนี้นายธีระพงษ์ฯได้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงในการติดตามจับกุมและตรวจยึดรถได้ในครั้งนี้

จึงได้ทำการจับกุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม