หน้าแรก > อาชญากรรม

ตำรวจนครบาลทลายแก๊งลักรถจยย. "ดาวบางแค" ส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน

วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 เวลา 05:16 น.


ตำรวจนครบาลทลายแก๊งลักรถจยย. "ดาวบางแค" ส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน

เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ (ศปจร.น.) พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.วิทวัฒน์ ชินคำ รรท.ผบก.น.5 พ.ต.อ.ปนาถพล ปุณศรี รอง ผบก.น.5 พ.ต.อ.วชิรากรณ์ วงศ์บุญ ผกก.สน.คลองตัน พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.คลองตัน ร่วมกันแถลงจับกุม นายอภินัทธ์ หรือบอล อายุ 27 ปี นายณัชธฤต หรือสรวง อายุ 37 ปี นายสมยศ หรือจุก อายุ 24 ปี นายริน สัญชาติเมียนมา อายุ 46 ปี ผู้รับซื้อรถจักรยานยนต์ (จยย.) นำส่งออกชายแดนติดต่อจังหวัดกาญจนบุรี นายบุญคงคา หรือดาว อายุ 26 ปี (ผู้สั่งการและติดต่อกับนายอภินัทธ์ นายสมยศ และนายณัชธฤต) และนายประสาน อายุ 43 ปี ผู้ขนส่ง โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพานะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือรับของโจร” พร้อมด้วยของกลางรถ จยย.ฮอนด้า 7 คัน ที่กลุ่มผู้ต้องหาตระเวนลักทรัพย์มาจากในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล รถยนต์กระบะโตโยต้าตู้ทึบ ของนายประสาน อาวุธปืน 2 กระบอกและเครื่องกระสุนขนาดต่างๆ รวม 203 นัด โดยจับกุมเมื่อวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา บริเวณบ้านเช่าย่านบางแค แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กทม.

พล.ต.ต.นพศิลป์กล่าวว่า ก่อนจับกุม ตำรวจ สน.คลองตัน รับแจ้งเหตุว่า มีคนร้ายก่อเหตุลักทรัพย์รถ จยย.ของผู้เสียหายในพื้นที่ สน.คลองตัน พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช พ.ต.อ.วิทวัฒน์ พ.ต.อ.วชิรากรณ์ ร่วมกันสืบสวนเรื่อยมาจนทราบว่าผู้ก่อเหตุคือนายอภินัทธ์ พักอาศัยอยู่ที่บ้านเช่าซอยนาวีเจริญทรัพย์ แขวงบางแคเหนือ จึงรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอาญาพระโขนงออกหมายจับและขออำนาจศาลอาญาธนบุรีตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว พบนายณัชธฤต แสดงตัวเป็นผู้ครอบครองและพบรถ จยย.ฮอนด้า รุ่นเวฟ 125 ไอ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน 1 คัน จอดอยู่ภายในชั้น 1 ของบ้าน ตรวจสอบพบว่า รถ จยย.คันดังกล่าวถูกแจ้งหายไว้ที่ สน.โคกคราม เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม และพบนายอภินัทธ์ นอนพักอยู่ชั้น 3 ตรวจค้นพบอาวุธปืนมีทะเบียน 2 กระบอกและเครื่องกระสุนขนาดต่างๆ ตรวจยึดส่ง สน.เพชรเกษม ตรวจสอบและดำเนินคดีต่อไป

พล.ต.ต.นพศิลป์กล่าวอีกว่า จากการขยายผลทำให้ทราบว่าในการลักรถ จยย.แต่ละครั้งมีนายบุญคงคา เป็นผู้สั่งการให้ลัก จยย.และให้นายสมยศ มารับนายอภินัทธ์ ไปก่อเหตุทุกคืน คืนละ 1-2 ครั้ง ครั้งละ 1-2 คัน ทั่วพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลตามรายการที่ได้รับสั่งมา เมื่อเจอรถที่ต้องการ นายสมยศจะใช้วิธีนำไขควงตัวทีแทงที่เบ้ากุญแจแล้วหมุนสตาร์ทรถขับหลบหนี โดยหลังจากที่นายอภินัทธ์ก่อเหตุจะนำมาเก็บไว้ที่บ้านที่พักอาศัย และเปลี่ยนบล็อกกุญแจ จากนั้นนายณัชธฤต จะเป็นผู้ติดต่อนายริน ชาวเมียนมา เพื่อประเมินราคาตามสภาพการใช้งานหรือตามระยะทางของรถ จยย.แต่ละคัน หากตกลงราคากันได้แล้วจะรับเงินคันละ 28,000-30,000 บาท โดยนายรินจะโอนเงินบัญชีธนาคาร จากนั้นนายอภินัทธ์จะเป็นผู้ไปถอนเงินแล้วนำฝากให้นายบุญคงคา 20,000 บาท และนายบุญคงคาจะแบ่งให้นายสมยศเอง ในส่วนเงินอีก 10,000 บาทนั้นจะนำมาแบ่งกันกับนายณัชธฤต คนละ 5,000 บาท และรับสารภาพว่าเริ่มก่อเหตุมาตั้งแต่กรกฎาคมที่ผ่านมา

รอง ผบช.น.กล่าวว่า ซักถามขยายผลนายอภินัทธ์ ทราบว่า เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม ก่อเหตุลักทรัพย์ในพื้นที่ สน.คลองตัน แต่ไม่สามารถเอารถไปต่อได้เนื่องจากรถ จยย.ที่ลักทรัพย์มานั้นดับไม่สามารถขับขี่ได้ จึงจอดทิ้งไว้ที่บริเวณใต้ทางด่วนซอยปรีดีพนมยงค์ 2 จึงตรวจยึดเพื่อดำเนินการต่อไป เมื่อได้ราคารถ จยย. นายอภินัทธ์จะเป็นผู้ติดต่อกับนายประสาน ทำหน้าที่ขนส่งรถ จยย.ที่ลักมา โดยจะใช้รถยนต์กระบะโตโยต้ามีตู้ทึบขับมารับบริเวณลานจอดรถสำนักงานเขตบางแคเป็นประจำ เพราะไม่มีคนพลุกพล่าน และสะดวกในการขนย้ายโดยจะมา 2 วันครั้ง นำไปส่ง จ.กาญจนบุรี เพื่อเตรียมส่งออกประเทศเพื่อนบ้านโดยรับค่าจ้างขนส่งคันละ 2,000 บาท จากนายริน ชาวเมียนมา

พล.ต.ต.นพศิลป์กล่าวว่า สืบสวนขยายผลทำให้ทราบว่านายประสาน พักอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านเอื้ออาทรปทุมธานี จึงไปตรวจสอบพบรถ จยย. 2 คัน ที่ผู้เสียหายแจ้งความหายไว้ที่ สน.ลาดพร้าวและหัวหมาก พร้อมรถยนต์กระบะ 1 คันและขยายผลเพิ่มเติมทราบว่า มีรถ จยย. 2 คันจอดไว้ที่ จ.กาญจนบุรี เมื่อตรวจสอบที่พักนายสมยศ ย่านบางแค พบรถ จยย.ฮอนด้า ที่นายจุกใช้ก่อเหตุจอดอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับ ทางตำรวจ สน.คลองตัน จึงจับกุมนายณัชธฤต ส่ง สน.โคกคราม ดำเนินคดี “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือรับของโจร” ส่วนของนายอภินัทธ์ ส่ง สน.คลองตัน ความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพานะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือรับของโจร”

ข่าวยอดนิยม