วันนี้ (24 ต.ค. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร รองประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วม

นางสาวแพทองธาร กล่าวว่าหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของคนไทยมีมาตั้งแต่ปี 2544 ซึ่งปัจจุบันครอบคลุมประชาชนมากกว่าร้อยละ 99.6 ช่วยให้เข้าถึงบริการมากขึ้น ลดภาระค่าใช้จ่ายทางสุขภาพ และลดจำนวนครัวเรือนที่ยากจนจากรายจ่ายด้านสุขภาพได้ แต่ยังต้องพัฒนาต่อเนื่อง ซึ่งการแก้ไขจุดที่เป็นปัญหาและความทุกข์ของประชาชนคือความเหลื่อมล้ำในการรับบริการ ความแออัด และระยะเวลารอคอยการรักษา

โดยเฉพาะโรงพยาบาลในเขตเมือง จึงต้องนำเทคโนโลยีดิจิทัล และนวัตกรรม มาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพระบบบริการ ตั้งแต่ส่งเสริมป้องกัน ตรวจวินิจฉัย ดูแลรักษา นัดหมาย ส่งต่อ และเชื่อมโยงจัดการฐานข้อมูลทั้งหมด เพื่อยกระดับหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้ารักษาได้ทุกที่ ให้ประชาชนทุกระดับสามารถใช้บัตรประชาชนใบเดียวเข้ารับบริการสุขภาพได้ทุกหน่วยบริการ ทั้งรัฐ เอกชน คลินิก และร้านขายยาใกล้บ้าน ลดขั้นตอนบริการ ยึดหลัก "ผู้รับบริการเป็นศูนย์กลาง" เช่น นัดหมายออนไลน์ ใบรับรองแพทย์อิเล็กทรอนิกส์ ดูแลผู้ป่วยที่บ้านพื้นที่ห่างไกลให้เข้าถึงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางได้ทันท่วงที ไร้ข้อจำกัดผ่านระบบเทเลเมดิซีน การส่งยาและเวชภัณฑ์ไปยังบ้านผู้ป่วย หากทุกภาคส่วนร่วมมือกันก็จะยกระดับหลักประกันสุขภาพของไทยให้ดีขึ้นได้อย่างยั่งยืน

นพ.ชลน่าน กล่าวถึง 5 ประเด็นเร่งด่วน ที่จะยกระดับนโยบาย 30 บาท ประกอบด้วย บัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ นำร่องใน 4 จังหวัดคือ แพร่ เพชรบุรี ร้อยเอ็ด และนราธิวาส สามารถเข้ารับบริการได้ทุกเครือข่ายทั้งในและนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข โดยหลังจากนี้จะเร่งพัฒนาระบบบันทึกข้อมูลระบบยืนยันตัวตน และเชื่อมโยงข้อมูลเครือข่ายบริการ ทั้งโรงพยาบาล คลินิก ร้านยา และแลปที่สนใจเข้าร่วม มะเร็งครบวงจรให้วัคซีน HPV สถานชีวาภิบาล การเพิ่มการเข้าถึงบริการในเขตกรุงเทพมหานคร 50 เขต 50 โครงการ นำร่องโรงพยาบาลประจำเขตดอนเมือง โดยให้โรงพยาบาลทหารอากาศ (สีกัน) เป็นโรงพยาบาลทุติยภูมิขนาด 120 เตียง ยกระดับศูนย์บริการสาธารณสุข 60 รสสุคนธ์ มโนชญากรเป็นโรงพยาบาลผู้ป่วยนอกเฉพาะทางร่วมกับโรงพยาบาลแม่ข่าย และเตรียมพร้อมโรงพยาบาลราชวิถี 2 เป็นโรงพยาบาลรับส่งต่อผู้ป่วยคาดว่าจะเปิดให้บริการทั้ง 3 ส่วนภายในเดือนธันวาคมนี้

ส่วนเรื่องสุขภาพจิตและยาเสพติด ยึดหลักการ "เพื่อนแท้มีทุกที" ให้ประชาชนเข้าถึงบริการคุณภาพตั้งแต่ระยะแรกสามารถกลับไปใช้ชีวิตในชุมชนได้ ต้นมินิธัญญารักษ์ทุกจังหวัด เพิ่มเข้าถึงการบริการบำบัดรักษาฟื้นฟูผู้ป่วยยาเสพติดตามหลักการ เปลี่ยนผู้เสพติดผู้ป่วย ปัจจุบันมีมินิธัญญารักษ์แล้ว 35 จังหวัด 64 โรงพยาบาล