หน้าแรก > สังคม

เปิดใจแรงงานหญิงไทยหนีตายในอิสราเอล

วันที่ 16 ตุลาคม 2566 เวลา 13:03 น.


เปิดใจแรงงานหญิงไทยหนีตายในอิสราเอล นายจ้างพาอพยพหนีลงใต้ติดจอร์แดนจนรอด ยืนยันจะกลับไปทำงานต่อหลังเหตุการณ์สงบลง เพราะรายได้ดีกว่าเมืองไทย

วันที่ 16 ต.ค.66 แรงงานไทยในอิสราเอลจำนวน 137 คน ได้เดินทางมายังอาคารกองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและกักกันโรค (Quarantine Center) สถาบันบำราศนราดูร จ.นนทบุรี โดยรถบัสโดยสาร เพื่อตรวจคัดกรองสุขภาพหลังเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยตามมาตรการ

น.ส.ประภัสสร ศรีสวัสดิ์ อายุ 34 ปี แรงงานหญิงไทยซึ่งไปทำงานด้านเกษตรในประเทศอิสราเอล เปิดเผยว่า ตนเพิ่งเดินทางไปทำงานเกษตรที่ประเทศอิสราเอลในเมืองเนทีฟอาซาร่าได้เพียง 5 เดือนเท่านั้น ก็มาเจอเหตุการณ์ระทึกแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่ตนมีสัญญาว่าจ้างงานอยู่ที่ 5 ปี 3 เดือน ความรู้สึกในวันนั้นตนทั้งตกใจกลัวและเครียดมาก จากที่เจอเหตุการณ์เจอจรวดยิงข้ามมาก็ตกใจกลัวจะแย่อยู่แล้ว โดยเหตุการณ์เริ่มตั้งแต่ช่วง 6 โมงเช้า มีระเบิดที่ผ่านเครื่องยิงสกัดมาลง 3 ลูก ทางนายจ้างจึงประกาศให้หลบหนีเข้าโดม ตนกับเพื่อนแรงงานคนไทยทั้งหมด 7 คน เป็นชาย 5 คน หญิง 2 คน ได้วิ่งหนีตายกันมาหลบอยู่ในโดมกับนายจ้าง ซึ่งในระหว่างที่หลบกันอยู่ในโดมนั้นก็มีเสียงระเบิดตามมาเป็นร้อยๆลูก เห็นกลุ่มควันเต็มเมืองไปหมด มีคนงานไทยซึ่งเป็นคนเหนือถูกาะเก็ดระเบิดเข้าที่หู จนหูขาดแต่ก็รอดปลอดภัยมาได้

น.ส.ประภัสสร แรงงานหญิงไทย กล่าวอีกว่า ช่วงที่ฝ่ายฮามาสบุกนั้นตนไม่ได้กลัวถูกจับแต่กลัวถูกฆ่าตายมากกว่า เพราะตนได้ข่าวมาว่าทางฝ่ายนั้นใช้โดรนยินไล่ยิงผู้คนไปหมด บางรายก็ถูกยิงเพื่อชิงรถไป โชคดีที่ต่อมามีนายทหารอิสราเอลเข้ามาช่วยยิงสกัดไว้ จึงทำให้โดมไม่ถูกบุกโจมตี ก่อนที่นายจ้างจะพาอพยพหนีลงใต้ไปติดชายแดนของประเทศจอร์แดน จึงรอดตายกันมาได้ทั้งหมด ซึ่งแม้จะรอดจากจุดนั้นมาได้ แต่ในช่วงที่ต้องหลบอยู่นั้นแม้จะโล่งใจขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังเครียดจนนอนไม่หลับ หวาดระแวงกับเสียงที่ได้ยินต่าง ๆ ไปหมด ซึ่งตนก็พยายามส่งข่าวให้ทางครอบครัวทราบเป็นระยะ จนกระทั่งสัญญานเน็ตและไฟฟ้าถูกตัด ก็ทำให้ไม่สามารถติดต่อกับทางครอบครัวได้ จนกระทั่งบินกลับมาถึงประเทศไทยแล้วตึงเกิดความรู้สึกโล่งใจมั่นใจว่าปลอดภัยแล้ว ซึ่งหลังจากผ่านการตรวจสุจภาพตามขั้นตอนของกระทรวงสาธารณสุขแล้ว ตนจะเดินทางกลับบ้านที่จังหวัดอุดรธานีในทันที ซึ่งตนจะเดินทางกลับเองไม่มีครอบครัวมารับ และในอนาคตต่อไปตนยืนยันว่าถ้าเหตุการณ์สงบลงและทางการไทยทำเรื่องส่งกลับไปทำงานอีก ตนก็จะกลับไปทำงานต่อเพราะรายได้ดีสามารถจุนเจือช่วยเหลือครอบครัวได้มากกว่าที่จะทำงานในประเทศไทย

หลังให้สัมภาษณ์แล้ว น.ส.ประภัสสร แรงงานหญิงไทย ได้เปิดภาพเหตุการณ์บางส่วนที่ถ่ายบันทึกด้วยโทรศัพท์มือถือให้กับผู้สื่อข่าวดูเพิ่มเติมอีกด้วย

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม