หน้าแรก > การเมือง

​โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ สั่งติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง เร่งช่วยเหลือพี่น้องคนไทยในอิสราเอล พร้อมประชาสัมพันธ์ช่องทางติดต่อสอบถามเพิ่มเติม

วันที่ 10 ตุลาคม 2566 เวลา 23:57 น.


​โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ สั่งติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง เร่งช่วยเหลือพี่น้องคนไทยในอิสราเอล พร้อมประชาสัมพันธ์ช่องทางติดต่อสอบถามเพิ่มเติม

(10 ตุลาคม 2566) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกมนตรีเปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สั่งการติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เน้นย้ำทุกหน่วยงานเตรียมความพร้อมช่วยเหลือพี่น้องคนไทยในอิสราเอลจากสถานการณ์ความรุนแรงในตะวันออกกลาง โดยมีการรายงานความคืบหน้าแต่ละกรณี ดังนี้

กรณีการอพยพคนไทย ขณะนี้ (ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 10 ตุลาคม 2566) มีผู้แจ้งความประสงค์ที่จะเดินทางกลับไทยรวม 3,226 คน โดยกลุ่มแรกจะเดินทางวันที่ 11 ตุลาคม 2566 สายการบินอิสราเอลแอร์ไลน์ (El Al Israel Airlines) เที่ยวบินที่ LY 083 และคาดว่า เที่ยวบินที่สอง คือวันที่ 18 ตุลาคม 2566 โดยสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล รายงานความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือว่า ทางสถานเอกอัครราชทูตไทยฯ ได้ขอจัดลำดับความเร่งด่วนในการให้ความช่วยเหลือแรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบรุนแรงสูงสุดก่อน เนื่องจากมีแรงงานไทยประสงค์ขอเดินทางกลับจำนวนมาก จึงต้องให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดเดินทางกลับก่อน พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้นิ่งนอนใจ และพยายามทุกวิถีทางในการระดมสรรพากรกำลังติดตาม และติดต่อกับแรงงานไทยในอิสราเอลทุกคน โดยประสานกับทางการอิสราเอลเป็นระยะ ๆ เมื่อทราบว่า มีคนไทยติดอยู่ในพื้นที่ใด ก็ขอให้ช่วยอพยพออกนอกพื้นที่ ซึ่งอิสราเอลพยายามให้ความช่วยเหลือตามโซนพื้นที่ จึงขอให้ทุกฝ่ายเข้าใจข้อจำกัด

กรณีการขนย้ายร่างผู้เสียชีวิต ทางการอิสราเอลได้เร่งช่วยเหลือผู้ที่มีชีวิตและติดในพื้นที่เสี่ยงภัยก่อน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ทางการอิสราเอลส่วนใหญ่ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหาร การพิสูจน์ยืนยันผู้เสียชีวิต จึงยังไม่สามารถดำเนินการได้รวดเร็วนัก โดยต้องใช้เวลาในการยืนยันตัวตน และเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการบันทึกตัวตนเสียชีวิต เพื่อให้ได้รับเงินช่วยเหลือชดเชย ซึ่งมีหลายขั้นตอน ไม่ให้เกิดความผิดพลาด

กรณีช่องทางการติดต่อสอบถามเกี่ยวกับญาติที่พำนักอยู่ในอิสราเอล กระทรวงการต่างประเทศได้เปิด 3 ช่องทางหลัก ผ่านเบอร์โทรศัพท์และโซเชียลมีเดีย ได้แก่

ช่องทางที่ 1 
- สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ โทรศัพท์ (+972) 546368150 
- กรมการกงสุล (Call center 60 คู่สาย ตลอด 24 ชั่วโมง) โทรศัพท์ 02 5728442 (กด 0)
- กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ โทรศัพท์ 064 0198530, 064 0198907, 099 6164786, 02 5751047-51 หรือ 02 5751053 (ในวันและเวลาราชการ)
- Email: consular02@mfa.go.th

ช่องทางที่ 2 
- Line OpenChat ชื่อห้อง “ขอรับความช่วยเหลือกรณีคนไทยในอิสราเอล” (รองรับได้มากสุด 5,000 คน)
https://line.me/ti/g2/-jdaQqNs7Qe0uJOeWiAwqsHEUMRg-4T9F5FHZw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default

ช่องทางที่ 3 
- เพจเฟสบุ๊ก "กรมการกงสุลห่วงใยพี่น้องคนไทยในอิสราเอล" แจ้งข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือ https://www.facebook.com/profile.php?id=61552416233026

“นายกรัฐมนตรีติดตามสถานการณ์ ประเมินการทำงาน และสั่งการต่อเนื่อง โดยขอเน้นย้ำให้ประชาชนติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด โปรดระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินทางในพื้นที่เสี่ยงที่เกิดการสู้รบและไม่ออกจากที่พัก ปฏิบัติตามมาตรการของทางการอิสราเอลอย่างเคร่งครัด พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลห่วงใยและจะดูแลคนไทยทุกคนให้ปลอดภัยมากที่สุด” นายชัยฯ กล่าว

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม