วันที่ 26 ก.ย. 66 นายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง นายวิชิต ศรีชลา นายกเทศมนตรีนครระยอง นายเรืองฤทธิ์ ประกอบธรรม นายอำเภอเมืองระยอง และนายกิตติ เกียรติ์มนตรี รองนายก อบจ.ระยอง ร่วมเปิดใช้สะพานเฉลิมชัยข้ามแม่น้ำบริเวณ ต.ปากน้ำระยอง อ.เมืองระยอง อย่างเป็นทางการ โดยมีพิธีเจริญพระพุทธมนต์ เจริญชัยมงคลคาถา และพิธีเจิมป้ายชื่อสะพานโดยพระสงฆ์ เพื่อความเป็นสิริมงคล โดยมีส่วนราชการ ภาคเอกชน และประชาชนชาว ต.ปากน้ำระยอง ร่วมเป็นสักขีพยาน

นายวิชิต ศรีชลา นายกเทศมนตรีนครระยอง กล่าวว่า สะพานเฉลิมชัย เริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2505 ซึ่งเป็นสะพานไม้สามารถยกกลางสะพานให้เรือประมงพาณิชย์ขนาดใหญ่สามารถผ่านได้ จากความเจริญของการคมนาคม การชำรุดของสะพานทำให้ไม่สามารถรองรับน้ำหนักรถบรรทุกได้ ในปี พ.ศ.2539 จึงได้สร้างเป็นสะพานคอนกรีตมาตรฐาน ขนาด 2 ช่อง ทางยกสูงกลางสะพานทดแทน และปี พ.ศ. 2563 พบการชำรุดของสะพานฯ เทศบาลนครระยองจึงได้จ้างมหาวิทยาลัยสุรนารี ศึกษาความแข็งแรงของโครงสร้างสะพานเฉลิมชัย พบว่าเสาสะพานเป็นสนิมเสื่อมสภาพไม่สามารถรับน้ำหนักรถบรรทุก อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้สัญจร ประกอบกับการส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนของคนในเขตเทศบาลนครระยอง และสอดคล้องกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดระยอง เทศบาลนครระยอง ได้เล็งเห็นความสำคัญดังกล่าว จึงได้ดำเนินการก่อสร้างสะพานเฉลิมชัยแทนสะพานเดิมที่ชำรุด ด้วยงบประมาณ 58,406,000 บาท เริ่มก่อสร้างเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2563 ระยะเวลาในการก่อสร้าง 630 วัน แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2566 และได้มีการเปิดใช้สะพานเฉลิมชัยอย่างเป็นทางการขึ้นในวันนี้ เพื่อความสะดวกแก่ทุกคน

ด้าน นายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวว่า จะเห็นได้ว่าสะพานเฉลิมชัย มีความสำคัญต่อวิถีชีวิตของชุมชนมีความสำคัญในด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของจังหวัดระยอง เป็นไปตามนโยบายระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) รวมถึงการบริหารด้านโครงสร้างพื้นฐาน เส้นทางคมนาคมเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน อีกทั้งยังเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของจังหวัดระยอง ที่มีจุดชมวิวที่สวยงามของแม่น้ำระยอง ต้องขอบคุณนายกเทศมนตรีนครระยอง และผู้บริหารเทศบาลฯ ที่เห็นความสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนและการส่งเสริมการทองเที่ยววิถีชุมชนของชุมชนปากน้ำระยอง ซึ่งปัจจุบันมีจากหลายจังหวัด เดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก ทำให้ประชาชนในพื้นที่มีรายได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย