วันที่ 21 กันยายน 2566 ที่รัฐสภา ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 แถลงข่าวกรณีการตรวจรับงานก่อสร้างอาคารรัฐสภาจากผู้รับเหมา โดยระบุว่า เรื่องนี้มีเงื่อนไขกรอบเวลาอยู่หลายช่วง ตั้งแต่มีการก่อสร้าง จนไม่สามารถก่อสร้างแล้วเสร็จได้ในปี 2563 ตามสัญญา ซึ่งเกี่ยวข้องกับมติคณะรัฐมนตรีและการแก้ไขสัญญาหลายจุด ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อเท็จจริงจากกรรมการตรวจรับ

นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ตามไทม์ไลน์ที่ควรจะเป็น จะมีการตรวจรับอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่ายังมีความเห็นแย้งในกรรมการตรวจรับ จึงต้องได้ข้อมูลจากการชี้แจงของความเห็นแย้งให้เรียบร้อยก่อน คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในสิ้นเดือนนี้

สำหรับเรื่องที่ประชาชนสนใจ มี 2 ประการ ประการที่หนึ่ง คืออาคารนี้สมบูรณ์พอที่จะตรวจรับหรือไม่ เงื่อนไขเป็นไปตามแบบสัญญาหรือไม่ เรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบของกรรมการตรวจการจ้าง ซึ่งเป็นฝ่ายของเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้น หากใครเห็นว่าอาคารแห่งนี้ยังมีจุดที่ต้องสงสัย หรือคาดว่าเป็นเหตุไม่ให้มีการตรวจรับได้ สามารถส่งเรื่องเข้ามาที่ตน เพื่อช่วยกันตรวจสอบ

ประการที่ 2 คือเรื่องค่าปรับ เนื่องจากการก่อสร้างผ่านหลายห้วงเวลา ตั้งแต่ก่อนโควิด ระหว่างโควิด หลังโควิด รวมถึงมีความเปลี่ยนแปลงจากมาตรการที่เกี่ยวข้องกับ มติ ครม. ซึ่งเราจะมีการรวบรวมและเปิดเผยต่อสาธารณะ เป็นความโปร่งใสที่ต้องการให้สังคมรับทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับเงินภาษีของประชาชน ที่ทำให้ไม่สามารถตรวจรับงานได้ตามเวลา มีใครได้ มีใครเสีย หรือใครต้องรับผิดชอบเรื่องใดบ้าง ถ้าสามารถดำเนินการได้ทุกอย่างภายในเดือนกันยายนนี้ จะมีการเปิดใช้อาคารรัฐสภาอย่างเป็นทางการ

นายปดิพัทธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการฟ้องร้องนั้น กระบวนการในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สามารถแยกออกจากการตรวจรับได้ คือเมื่อตรวจรับเรียบร้อย อยู่ในระยะเวลาประกัน 2 ปี คดีใน ป.ป.ช. ก็ยังสามารถเดินหน้าต่อได้ และทางเราพร้อมที่จะให้ข้อมูลและความร่วมมือกับการตรวจสอบการทุจริตที่เกิดขึ้น

โดยหลังจากตนเดินทางกลับจากการดูงานต่างประเทศ จะมีการเรียกกรรมการตรวจรับมาประชุมและชี้แจงด้วยเอกสาร ยืนยันต้องรับฟังทุกภาคส่วนที่มีความเกี่ยวข้องกับการตรวจรับ เมื่อมีความชัดเจนของมติกรรมการตรวจรับ ตนจะชี้แจงความคืบหน้าให้ทราบอีกครั้ง

“ผมไม่ได้เป็นตัวแทนของผู้จ้างหรือผู้รับจ้าง แต่เป็นตัวแทนของประชาชนในการตรวจสอบ ไม่ให้มีความบกพร่องในการส่งมอบงาน ทำให้เรื่องนี้โปร่งใสมากที่สุด”