หน้าแรก > อาชญากรรม

จับอีก! ขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าว

วันที่ 14 กันยายน 2566 เวลา 14:04 น.


กองบังคับการตำรวจทางหลวง ร่วมกันจับกุม นายเจ๋ง อายุ 25 ปี (ผู้ขับขี่)​​สัญชาติ ไทย​​ และผู้ต้องหาชาวเมียนมาอีก 13 คน โดยจับกุมได้บริเวณถนนริมคลอง ต.ศาลาแดง อ.เมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง

สืบเนื่องจาก กก.1 บก.ทล. ได้มีการกวดขันจับกุมแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายและผู้นำพาในเส้นทางพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สำรวจเส้นทางบริเวณ อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา พบรถยนต์กระบะจอดอยู่ริมถนน โดยสังเกตว่ามีลักษณะน้ำหนักที่รถยนต์มากว่ารถยนต์ปกติ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ส่งสัญญาณไฟและเรียกรถยนต์คันดังกล่าวให้หยุด แต่เมื่อรถคันดังกล่าวพบเห็นรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขับหลบหนี โดยขับหลบหนีไปตามถนนสายเอเชียด้วยความรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขับรถยนต์ไล่ตาม ต่อมารถยนต์คันดังกล่าวได้ขับเข้าไปในบ้านของประชาชน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เดินไปหาที่รถยนต์ดังกล่าวพร้อมแสดงตนว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ผู้ขับขี่นั้นไม่ยอมจอดและพยายามขับขี่หลบหนีต่อและรถยนต์คันดังกล่าวได้ขับขี่หันทิศทางรถยนต์มาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยไม่เกรงกลัวว่าจะก่อให้เกิดอันตราย จนกระทั่งมาถึงบริเวณถนนริมคลอง ต.ศาลาแดง อ.เมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง รถยนต์คันดังกล่าวจึงหยุด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและทำการตรวจสอบ พบนายเจ๋งฯ อายุ 25 ปี เป็นผู้ขับขี่รถยนต์กระบะ โดยมีผู้ต้องหาที่ 2-14 นั่งโดยสารมาด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชิญผู้ต้องหาทั้งหมดมาตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียดที่ สภ.เมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง

จากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหาทั้ง13เคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังพบว่า รถยนต์คันดังกล่าวไม่มีการจดทะเบียน

กับกรมการขนส่งทางบก เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหาและควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลางและนำส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สอบคำให้การคนขับชาวไทย รับสารภาพว่า ได้รับการประสานจากชายเมียนมาให้ไปรับแรงานต่างด้าวที่บริเวณป่าข้างทางในพื้นที่ ต.โกสัมพี อ.โกสัมพีนคร จ.กำแพงเพชร ทั้งหมดจำนวน 13 คน เพื่อไปส่งในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยได้รับค่าจ้าง 13,000 บาท/ครั้ง ซึ่งระหว่างทางจะมีชายไทย 1 คน คือ นายโจ (ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง) เป็นคนขับขี่นำเส้นทางเพื่อดูด่านตรวจหรือรถตำรวจระหว่างทาง และทราบดีอยู่แล้วว่าแรงงานต่างด้าวทั้ง 13 คน ไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารแทนหนังสือเดินทางใดๆ โดยได้กระทำแบบนี้มาแล้ว 3 ครั้ง และผู้ต้องหาชางเมียนมาให้การยอมรับว่า ได้ลักลอบเดินทางเข้ามาในประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติและเดินข้ามมาในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก โดยจะมีคนพาออกมาขึ้นรถที่นำพาเพื่อจะเข้ามาหางานทำในประเทศไทย โดยเสียค่าใช้จ่าย จำนวน 13,000-15,000 บาท

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม