หน้าแรก > สังคม

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พาไปทำความรู้จัก "ไข้เลือดออกอีโบลา" โรคระบาดร้าย อันตรายถึงชีวิต พร้อมแนะสังเกตอาการเสี่ยง

วันที่ 12 กันยายน 2566 เวลา 10:40 น.


วันนี้ (12 ก.ย.2566) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ อธิบายเรื่อง โรคไข้เลือดออกอีโบลา เกิดจากการติดเชื้อ "ไวรัสอีโบลา" อยู่ในตระกูล Filoviridae ซึ่งในปัจจุบันไวรัสในกลุ่มอีโบลา แบ่งออกได้เป็น 6 สปีชีส์ ได้แก่

1.Bombaliebolavirus

2.Bundibugyoebolavirus

3.Reston ebolavirus

4.Sudan ebolavirus

5.Tai Forest ebolavirus

6.Zaire ebolavirus

พบว่ามีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง ร้อยละ 50-90 โดยสายพันธุ์ Reston ebolavirus มีรายงานพบในประเทศฟิลิปปินส์ ทำให้เกิดโรครุนแรงในลิง พบการติดต่อสู่คนโดยการสัมผัสโดยตรงกับเลือดหรือเครื่องในของลิงที่ติดเชื้อ "อีโบลา" จัดเป็นโรคประจำถิ่นในทวีปแอฟริกา มักพบการระบาดในประเทศคองโก ยูกันดา และกลุ่มประเทศแอฟริกาตะวันตก โดยเชื้ออีโบลาจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงของเชื้อกลุ่มที่ 4 ซึ่งเป็นเชื้อที่มีความเสี่ยงสูงต่อบุคคลและชุมชน ก่อโรคร้ายแรงในคนและสัตว์ที่สามารถแพร่ไปยังบุคคลอื่นหรือสัตว์อื่นโดยทางตรงหรือทางอ้อม และเป็นโรคที่ยังไม่มีวิธีการป้องกันหรือรักษาแบบได้ผล

การติดต่อของโรคนี้ สามารถแพร่เชื้อจากคนสู่คน จากการสัมผัสโดยตรงกับเลือด สารคัดหลั่ง และเนื้อเยื่อจากอวัยวะของผู้ป่วยที่แสดงอาการหรือผู้เสียชีวิต หรือจากการสัมผัสสิ่งของที่มีการปนเปื้อนสารคัดหลั่ง โดยเชื้อจะเข้าสู้ร่างกายผ่านเยื่อบุ เช่น ตา จมูก ปาก และผิวหนัง โดยผู้ติดเชื้อสามารถแพร่เชื้อได้ตั้งแต่ระยะเริ่มมีไข้ และตลอดระยะที่มีอาการ
สังเกตอาการเสี่ยงของโรคไข้เลือดออกอีโบลา การติดเชื้อมีระยะฟักตัวตั้งแต่ 2-21 วัน พบได้ในทุกกลุ่มอายุ โดยอาการเบื้องต้น ได้แก่
มีไข้สูง  รู้สึกอ่อนเพลีย  ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ไอ เจ็บคอ

รายที่มีอาการรุนแรง จะมีผื่นนูนแดงตามตัว และมีอาการเลือดออกทั้งภายในและภายนอกร่างกาย มักพบภายใน 7 วันหลังจากเริ่มแสดงอาการ จะพบอาการที่ระบบประสาทส่วนกลาง และภาวะอวัยวะภายในล้มเหลว ซึ่งมีอัตราการเสียชีวิตสูงประมาณ 50 - 80% หากสงสัยว่าเข้าข่ายติดเชื้อ สามารถส่งตัวอย่างส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ ได้ดังนี้

-เมื่อพบผู้ป่วยสงสัยติดเชื้ออีโบลา ให้สถานพยาบาลแจ้งกับกองระบาดวิทยา หรือ สำนักงาน ป้องกันและควบคุมโรค หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เพื่อดำเนินการสอบสวนโรคและวางแผนการเก็บตัวอย่าง สามารถเก็บสิ่งส่งตรวจได้หลังจากมีอาการ 3-10 วัน 

-การเก็บตัวอย่างและการนำส่งตัวอย่างต้องปฏิบัติตามหลักความปลอดภัยทางชีวภาพ และขนส่งแบบแช่เย็น (Ice pack) โดยการประสานกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ในการรับตัวอย่างส่งตรวจ สอบถามการส่งตัวอย่าง โทร.02-9511485, 02-9510000-11, 02-5899850-8 ต่อ 99248, 99614
 

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม