พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม ร่วมกับศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์และภาคประมง สํานักงานตํารวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตํารวจ กก.2 บก.ปคม. จับกุมผู้ต้องหา 8 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่เป็นนายหน้าชักจูงค้าประเวณีเด็ก 3 ราย ได้แก่ น.ส.ภาพิมล อายุ 20 ปี, น.ส.ปาริฉัตร อายุ 28 ปี และ น.ส.โดกี้ หรือ น.ส.ฐานิตา อายุ 19 ปี สัญชาติเมียนมา ฐาน “ค้ามนุษย์ ร่วมกันค้ามนุษย์ด้วยการแสวงหาประโยนช์จากการค้าประเวณีเด็ก เป็นต้น และผู้ต้องหาที่เป็นลูกค้าซื้อบริการ อีก 5 ราย คือนายวุฒิพงศ์ อายุ 24 ปี, นายอาวุธ อายุ 34 ปี, นายศิริวัฒน์ อายุ 28 ปี, นายวัทน์ศิริ อายุ 33 ปี และนายพงษ์ศักดิ์ อายุ 40 ปี โดยแจ้งข้อหาฐาน “พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือ ผู้ดูแลโดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย เพื่อหากําไรหรือเพื่อการอนาจาร ฯลฯ หลังตำรวจ ปคม. ได้รับแจ้งเบาะแสว่ามีผู้ใช้บัญชีทวิตเตอร์ ชื่อ Buble มีการโพสต์โฆษณาชวนค้าประเวณีในพื้นที่จังหวัดระยอง จึงได้ให้สายลับอําพรางตัว ติดต่อล่อซื้อบริการทางเพศ กับผู้ใช้บัญชีทวิตเตอร์ดังกล่าว ผ่านทางแอพไลน์ โดยผู้ใช้บัญชีทวิตเตอร์ดังกล่าวได้ส่งภาพ หญิงสาวมาให้เลือก
ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นเยาวชนที่มีอายุต่ํากว่า 18 ปี จึงได้ล่อซื้อบริการทางเพศ มีการโอนเงินให้กับผู้ต้องหา ก่อนจะสามารถเข้าช่วยเหลือ ด.ญ.เอ อายุ 15 ปี มาได้

จากการรวบรวมพยานหลักฐานสามารถดําเนินคดีกับ น.ส.ภาพิมล และ น.ส.ปาริฉัตร ที่มีพฤติการณ์ เป็นนายหน้าค้าประเวณีเด็ก ขณะหลบหนีไปอยู่ที่ จ.ระยอง และ จ.ปราจีนบุรี 

ทั้งนี้ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เป็นนายหน้าติดต่อลูกค้า เพื่อค้าประเวณีเด็กจริง โดยค่านายหน้าในการหาลูกค้าให้กับเด็กผู้เสียหาย ครั้งละ 500 บาท ทํามานานแล้วกว่า 2 เดือน ซึ่งตนเคยโฆษณาค้าประเวณีตนเองทางสื่อโซเชียลมาก่อน กระทั่งมาชักจูงผู้เสียหายในคดีนี้มาทําการค้าประเวณีด้วย

จากการสืบสวนขยายผลพบว่า มีเด็กในสังกัดของผู้ต้องหาทั้งสอง ที่เป็นเยาวชนอีก 2 คน ผ่านนายหน้า อีกคนชื่อ น.ส.โดกี้ หรือ น.ส.ฐานิตา กระทั่งจับกุมได้ และเจ้าตัวให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมกระทําความผิดจริงไม่เพียงเท่านั้นตํารวจได้ขยายผลจับกุมกลุ่มลูกค้าที่เคยซื้อบริการทางเพศ กับเด็กผู้เสียหายในคดีนี้ อีกทั้งสิ้น 13 ราย