บุกทลายโกดัง ร้านขายบุหรี่ - เหล้าเถื่อน กลางเมืองหาดใหญ่

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 17 ส.ค. นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง (ปค.) เปิดเผยว่า กรมการปกครองสั่งการให้นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง (ศกปค.) พร้อมด้วยกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง และฝ่ายปกครองอ.หาดใหญ่ นำหมายค้นของศาลจ.สงขลา เข้าตรวจค้นโกดังและร้านค้าขายบุหรี่ สุราผิดกฎหมายในท้องที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จำนวน 3 แห่ง ที่มาของปฏิบัติการนำกำลังเข้าตรวจค้นในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากกรมการปกครองได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการในพื้นที่อ.หาดใหญ่ว่าร้านบุหรี่ สุราผิดกฎหมาย ที่ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองเคยนำกำลังเข้าจับ เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 66 และได้ของกลางเป็นจำนวนมาก กลับมาเปิดขายใหม่โดยย้ายร้านไปห่างจากที่เดิมไม่ถึง 100 เมตร ไม่เกรงกลัวกฎหมาย

นายแมนรัตน์ กล่าวว่า ศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง (ศกปค.) สำนักการสอบสวนและนิติการ จึงได้ดำเนินการสืบสวน และรายงานผู้บังคับบัญชา พร้อมทั้งขออนุมัติหมายค้นจากศาลจ.สงขลาเข้าตรวจสอบการกระทำความผิด จำนวน 3 แห่ง ได้แก่

1.โกดังสินค้าผิดกฎหมาย ตั้งอยู่ เลขที่ 72/15 ถ. นิพัทธ์สงเคราะห์ 3 ซอย 5 (นำโชค) ต.หาดใหญ่ พบบุหรี่หนีภาษี บุหรี่ปลอมอากรแสตมป์ บุหรี่ไฟฟ้า สุราหนีภาษี ยาแก้ไอซึ่งเป็นยาอันตรายที่นำไปเป็นส่วนผสมของยาเสพติด และไพ่หนีภาษีสรรพสามิต จำนวนมาก

2.ร้าน ฟาสต์ สโตร์ (ใหม่) ตั้งอยู่บนถ.นิพัทธ์สงเคราะห์ 1 ต.หาดใหญ่ พบของกลาง บุหรี่หนีภาษี บุหรี่ปลอมอากรแสตมป์ บุหรี่ไฟฟ้า สุราหนีภาษี ยาแก้ไออันตรายจำนวนมาก และ

3.ร้านไม่มีชื่อ ตั้งอยู่ที่ 121/72 ถ.นวลแก้วอุทิศ ต,คอหงส์ พบของกลางเป็นบุหรี่หนีภาษี บุหรี่ปลอมอากรแสตมป์ สุราหนีภาษี และยาแก้ไออันตราย จำนวนมาก ซึ่งในขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจนับ

นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง ปฏิบัติหน้าที่ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง กล่าวว่า ประเทศไทยได้รับความเสียหายอย่างมากจากปัญหาการลักลอบนำสินค้าหนีภาษีเข้ามาขายในประเทศปีละไม่ต่ำกว่า 7,000 ล้านบาท ทั้งนี้ พบบัญชีรายรับของทางร้าน มีรายได้เดือนละเกือบ 10 ล้านบาท และยังพบบัญชีส่วยเจ้าหน้าที่รัฐหลายหน่วยงาน ซึ่งพนักงานฝ่ายปกครองชุดจับกุมจะได้ประสานสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบเส้นทางการเงินร้านที่ถูกจับกุมไปแล้ว และร้านที่ถูกจับในครั้งนี้ และหากว่าเจ้าหน้าที่ยังพบว่ามีการกระทำผิดซ้ำอีก จะได้ร่วมกับทางจังหวัดสงขลากวาดล้างจับกุมดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และหากพบเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด จะได้แจ้งหน่วยงานดำเนินการสอบสวนทางวินัยต่อไป