วันนี้ (15 สิงหาคม 2566) เวลา 13.15 น. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จัดแถลง ‘แฉเพื่อชาติ’ ครั้งสำคัญในชีวิต โดยระบุว่า ใกล้ถึงจุดหมายปลายทางและเป็น ‘วันพิพากษา’ ที่ประชาชนจะได้รู้ความจริง

นายชูวิทย์ กล่าวถึงการตั้งคำถามเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กับบริษัทย่อยของบริษัทดังกล่าว โดยกล่าวว่า บริษัทแสนสิรินำโดย เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย และหนึ่งในคณะกรรมการบริหาร มีการทุจริตทางการเงิน โดยมีหลักฐานคือบันทึกการประชุมที่ไม่ตรงกัน โดยระบุว่า บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ‘ปล่อยกู้’ เงินจำนวนกว่า 1,000 ล้านบาท ให้กับบุคคลที่เป็นแม่บ้านและพนักงานรักษาความปลอดภัย (รปภ.) ผ่านวิธีให้กลุ่มนอมินีดังกล่าวกู้ผ่าน ‘บริษัทกลาง’ ที่มีบริษัทแสนสิริอยู่เบื้องหลัง เพื่อให้บริษัทแสนสิริไม่ต้องเสียภาษีโดยตรง และสามารถนำ ‘เงินทอน’ เหล่านั้นเข้ากระเป๋าตัวเองได้โดยไม่ต้องผ่านการตรวจสอบ

ยกตัวอย่างเช่น พินิช คำยศ อาชีพแม่บ้าน และสมศักดิ์ มติยาภักดิ์ อาชีพ รปภ. กู้เงินจากแสนสิริจำนวน 1,000 ล้านบาท หากแต่ที่จริงแล้วพวกเขากู้เงินราว 565 ล้านบาท เท่ากับว่าเงินจำนวน 435 ล้านบาท เข้ากระเป๋าของแสนสิริโดยไม่มีใครสงสัย หรือหากกล่าวให้เข้าใจโดยง่ายว่า บริษัทแสนสิริโกงเงินผู้ถือหุ้น โดยให้บริษัทตั้งนอมินีเป็น รปภ.และแม่บ้านมาเป็นผู้ถือหุ้น เพื่อไปซื้อบริษัทที่ดินจำนวน 565 ล้านบาท และให้บริษัทนอมินีดังกล่าวมายื่นขอกู้เงินบริษัทลูกของแสนสิริจำนวน 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้เหลือเงินทอนราว 435 ล้านบาท และสุดท้ายให้บริษัทนอมินีเอาที่ดินขายให้บริษัทแสนสิริเป็นจำนวนเงิน 1,000 ล้าน"

ทั้งนี้ นายชูวิทย์ กล่าวด้วยว่า ภารกิจ ‘แฉเพื่อชาติ’ วันนี้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นแต่ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย ใครจะเป็นนายกฯ ตนไม่ขอเกี่ยวข้อง เพราะปล่อยวางทางการเมืองนานมากแล้ว และจะหยุดภารกิจนี้ลงก็ต่อเมื่อเศรษฐาไม่ผ่านการโหวตนายกฯ หรือพรรคเพื่อไทยเปลี่ยนแคนดิเดตนายกฯ นอกจากนี้ ยังส่งสารถึง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ว่าให้รีบติดต่อถึงอดีตนายกฯ ทักษิณว่า ให้รีบเปลี่ยนแคนดิเดตนายกฯ เสีย มิเช่นนั้นการแฉอื่นๆ จะตามมาอีก