วันที่ 10 สิงหาคม 2566 เวลา 13:27 น.
วันนี้ (10 ส.ค.66) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีกรมการปกครองบุกจับบ่อนใหญ่ในจังหวัดเชียงใหม่ว่า ตนพึ่งได้รับรายงานมา ทราบว่ามีการสั่งให้ช่วยราชการแล้ว และจะเร่งรัดการตรวจสอบข้อเท็จจริง ความบกพร่องต่างๆ ซึ่งอย่างไรก็ต้องมีแต่จะมีมากมีน้อยขอดูรายละเอียดเพิ่มเติมก่อน
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ขอขอบคุณหน่วยงาน กรมการปกครองมาช่วยกันจับกุม เรื่องพวกนี้จะต้องมีหลายหน่วยช่วยกันจะทำให้ใครก็ไม่สามารถลักลอบเปิดได้ง่ายๆ
เมื่อถามถึงกรณีงานบุญบั้งไฟจะมีการลักลอบเล่นการพนันได้กำชับสั่งการอย่างไร พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ตอนนี้ได้กำชับไปแล้ว และได้พูดคุยกับปลัดมหาดไทยแล้วว่าก็ต้องช่วยกัน บางครั้งในการจับกุมในบางจุด ท่านเห็นว่าเป็นความบกพร่องของฝ่ายปกครองท่านก็สั่งไปช่วยเหมือนกัน ผมเห็นว่าดีมากจะได้ช่วยกันดูแล ต้องคานกันไว้ อะไรจะไม่สามารถไปลักลอบกันได้ง่ายๆ ช่วยกันทุกๆ หน่วย ทั้งนี้ได้กำชับตำรวจแต่ละพื้นที่ไปแล้วและการประชุมครั้งต่อไปจะกำชับอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อถามต่อว่าไม่โกรธกรมการปกครองใช่ไหมพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ไม่โกรธ ดีๆ ช่วยกัน
นอกจากนี้ พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ได้ลงนามในคำสั่งตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ที่ 371/2566 ลงวันที่ 9 สิงหาคม 2566 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการและรักษาการแทน ใจความว่า อ้างถึงคำสั่ง ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ที่ 370/2566 ลงวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ.2566 แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ.2566 ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการ พร้อมสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กองบัญชาการกองอาสารักษาดินแดน ร่วมกับ ฝ่ายปกครองจังหวัดเชียงใหม่ นำกำลังบุกเข้าทลายบ่อนการพนันขนาดใหญ่ ซึ่งเปิดให้นักพนันเข้ามาเสี่ยงโชค โดยมีสถานที่ให้เล่นพนันสองแห่งแถวสันติธรรม และภัทรวัลย์ สนุกเกอร์ ย่านช้างเผือก ลักลอบเปิดให้มีการเล่นพนัน ไพ่เสือมังกร ไพ่บาคาร่า และไฮโล ซึ่งภายหลังการเข้าตรวจค้น จับกุม พบนักพนันและเจ้ามือ จำนวนรวม 104 คน พร้อมเงินสดและอุปกรณ์การเล่นการพนันจำนวนมาก
เพื่อให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 68 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 และระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2563 ข้อ 6(2) และ ข้อ 8(3) จึงให้ข้าราชการตำรวจที่มีรายชื่อดังต่อไปนี้ คือ 1.พ.ต.อ.กิตติพงษ์ เพ็ชรมุณี ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรช้างเผือก 2.พ.ต.ท.สุพจน์ ฉลาด รองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรช้างเผือก 3.พ.ต.ท.ณัฐพล เอกฉันท์ รองผู้กำกับการสืบสวน สถานีตำรวจภูธรช้างเผือก 4.พ.ต.ต.อมรเทพ สุขันธ์ สารวัตรป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรช้างเผือก 5.พ.ต.ท.พีระพล ขวาของ สารวัตรสืบสวน สถานีตำรวจภูธรช้างเผือก ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ โดยขาดจากตำแหน่งเดิม และให้รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ที่กำกับดูแลศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ มอบหมาย หน้าที่ให้ปฏิบัติ และควบคุมความประพฤติตามมาตรการควบคุมและเสริมสร้างความประพฤติและวินัยข้าราชการ ตำรวจ ตามนัยคำสั่งกรมตำรวจ ที่ 1212/2537 ลงวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2537 โดยเคร่งครัด
และเพื่อให้การปฏิบัติราชการของสถานีตำรวจภูธรช้างเผือก จังหวัดเชียงใหม่ เป็นไปอย่างมี ประสิทธิภาพ ไม่เกิดผลเสียหายต่อทางราชการ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 105 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจ แห่งชาติ พ.ศ.2565 จึงให้ข้าราชการตำรวจดังต่อไปนี้ รักษาราชการแทนในตำแหน่งต่างๆ อีกหน้าที่หนึ่ง โดยไม่ขาดจากตำแหน่งเดิม คือ 1.พ.ต.อ.กฤษดา พันธ์เกษม รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดแพร่ ปฏิบัติราชการ ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ รักษาราชการแทน ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรช้างเผือก 2.พ.ต.ท.ศรีพิงค์ ไหวยะ รองผู้กำกับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ รักษาราชการแทน รองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรช้างเผือก 3.พ.ต.ท.วีรพงษ์ พึ่งเดชะ รองผู้กำกับการกลุ่มงานจราจร ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ รักษาราชการแทน รองผู้กำกับการสืบสวน สถานีตำรวจภูธรช้างเผือก 4.พ.ต.ท.พร้อมวุฒิ พร้อมพูล สารวัตรสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ รักษาราชการแทน สารวัตรป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรช้างเผือก 5.พ.ต.ต.สิริดนัย กาวีอิ่น สารวัตรสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ รักษาราชการแทน สารวัตรสืบสวน สถานีตำรวจภูธรช้างเผือก ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง