หน้าแรก > อาชญากรรม

รวบ "เอส คอลาย" เดนนรกบังคับลูกเลี้ยงวัย 12 ปี บังคับเสพยาและข่มขืน ลุ้นระทึกไล่ล่า 48 ชม.ช่วยเด็กปลอดภัย

วันที่ 7 สิงหาคม 2566 เวลา 10:17 น.


“เอส คอลาย” เดนทรชนในคราบ “พ่อเลี้ยง” ไม่เพียงเป็นขี้ยาธรรมดาแต่ยังเป็นพวกหมกมุ่นในกามอารมณ์ จิตวิปริตขนาดว่าโมอวัยวะเพศจนเหมือนต้นคริสต์มาสพร้อมความภาคภูมิใจ โดยวีรกรรมล่าสุดเจ้าตัวพาลูกเลี้ยง เด็กหญิงวัยเพียง 12 ปี หนีจากบ้านไปออกเร่ร่อนก่อนจะ “บังคับให้เด็กเสพยาและลงมือปู้ยี่ปู้ยำ” เด็กอย่างสุดเวทนา โดยเด็กร้องเจ็บปวดทุกครั้งที่ถูกกระทำ โดยตลอดการเร่ร่อนจะ “ล้างสมอง” ให้เด็กเกลียดแม่ตัวเอง ให้ลาออกจากโรงเรียน และให้ตกเป็นธาตุกามอารมณ์ของตนเองเท่านั้นไม่ต้องทำอย่างอื่น ทำเอาครอบครัวเหยื่อแทบขาดใจตาย โพสข้อความประกาศตามหาเด็กจนกลายเป็นไวรัล จนล่าสุด “ผู้การจ๋อ” ส่งสืบนครบาล และสืบ 110 มือดีไล่ล่าติดตามอย่างระทึกจนไปจับตัวและสามารถช่วยเหลือเด็กได้ก่อนจะถูกคนร้ายพาหนีลงไปทางภาคใต้

เจ้าหน้าที่ชุด PCT5 , สืบนครบาล จับกุมนายวีรยุทธ หรือ “เอส คอลาย” อายุ 29 ปี แจ้งข้อหา “ความผิดเกี่ยวกับเพศ” โดยจับกุมตัวได้ที่ ภายในซอยตลาดวังหลัง ขตบางกอกน้อย จ.กรุงเทพฯ

พบประวัติต้องโทษคดีอาญา 13 คดี เช่น เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 , ครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท 1 , ลักทรัพย์ , ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน , ชิงทรัพย์ , วิ่งราวทรัพย์ และกระทำพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารฯ

พฤติการณ์กล่าวคือ นายวีรยุทธ แสนชัย หรือ “เอส คอลาย” เดนทรชรในคราบ “พ่อเลี้ยง” ซึ่งเจ้าตัวไม่เพียงแต่ติดยาเสพติดอย่างงอมแงม แต่ยังพ่วงความวิปริตจิตหมกมุ่นแต่ในเรื่องกามอารมณ์ เป็นสาเหตุที่มาของเรื่องราวอันแสน “หดหู่” ของเด็กหญิงอายุ 12 ปี และครอบครัว โดยจุดเริ่มต้นของเรื่องราวอันแสนหดหู่นี้ เริ่มตั้งแต่ ปี 2562 ที่เดนทรชนรายนี้ได้เริ่มเข้ามาคบกับ น.ส.เอ๋ (นามสมมุติ) อายุ 30 ปี ซึ่งหญิงสาวรายนี้มี “ลูกติด” ชื่อ ด.ญ.ส้ม (นามสมมุติ) อายุเพียง 8 ปีในเวลานั้น ซึ่งแรกเริ่มที่เดนทรชนนี้ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว น.ส.เอ๋ นั้นก็ดูเป็นครอบครัวที่ปกติทั่วไป แต่เมื่อเวลาผ่านไป ด.ญ.ส้ม ได้เจริญเติบโตขึ้นเข้าสู่ช่วงอายุ 11 ปี ได้มีผู้เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติของครอบครัวนี้ โดยจะมักเห็นพฤติกรรมของเดนทรชนรายนี้มีความสนิทสนมกับ ด.ญ.ส้ม มากเกินกว่าพ่อเลี้ยงกับลูกเลี้ยง มีการหยอกล้อในเชิงชู้สาวกับ ด.ญ.ส้ม อยู่เป็นประจำ กระทั่งในปี 2565 เรื่องราวสัมพันธ์สวาทที่ผิดศีลธรรมก็ได้แดงขึ้น เมื่อเจ้าตัวแสดงอาการหมดรัก น.ส.เอ๋ และพา ด.ญ.ส้ม ไปกินอยู่ด้วยฉันสามีภรรยาอย่างโจ่งครึ้ม ชนิดที่ว่าไม่อายฟ้าดิน โดยตลอดการพาไปอยู่กินด้วยจะใช้ความเป็นเด็กของ ด.ญ.ส้ม “ล้างสมอง” ให้เกลียดแม่ตัวเอง ให้ลาออกจากโรงเรียน และให้ตกเป็นธาตุกามอารมณ์ของตนเองโดยไม่สนอนาคตของเด็กแต่อย่างใด กระทั่งในปัจจุบัน ด.ญ.ส้ม ไม่เรียนหนังสือและออกเร่ร่อนไปกับพ่อเลี้ยงเดนทรชนรายนี้อย่างสุดเวทนา โดยเธอเข้าใจว่านี่คือรักแท้ จนในปัจจุบันครอบครัวของ น.ส.เอ๋ และ ด.ญ.ส้ม เรียกได้ว่าตายทั้งเป็น โดยล่าสุดเดนทรชนรายนี้ได้พาตัว ด.ญ.ส้ม ออกไปจากบ้านอีกครั้งและพาไปร่อนเร่ “บังคับเสพยาเสพติดและลงมือกระทำชำเรา” ด.ญ.ส้ม ซึ่ง น.ส.เอ๋ ผู้เป็นแม่ทราบเรื่องถึงกับใจสลาย ทั้งพยายามติดต่อ ตามหา แต่พ่อเลี้ยงเดนทรชนก็ยังนำโทรศัพท์มือถือของ ด.ญ.ส้ม ไปขายเพื่อนำมาซื้อยาเสพติดเสพ น.ส.เอ๋ ไร้ทางออกโพสข้อความประกาศตามหา ด.ญ.ส้ม จนกลายเป็นไวรัล ซึ่งประชาชนต่างช่วยกันแชร์และติดตาม ซึ่งเรื่องนี้ก็ถึงหู พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. หรือ “ผู้การจ๋อ”รายงานให้ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร. / ผอ.ศอ.ปส.ตร.ทราบ พร้อมส่งมือดีชุดสืบนครบาล และสืบ 110 ติดตามไล่ล่าเดนทรชนรายนี้ทันที โดยทราบเพียงเบาะแสว่า เดนทรชนรายนี้ได้พา ด.ญ.ส้ม มาเสพยาภายในชุมชนแห่งหนึ่งย่านธนบุรี พล.ต.ต.ธีรเดชฯ ส่งกำลังลงพื้นที่ชุมชนต้องสงสัยแบบราบเป็นหน้ากลอง แต่ด้วยสมรภูมิที่คนร้ายได้เปรียบจึงสามารถหลบหนีชุดสืบสวนไปได้ทันควัน เล่นเอาชุดสืบสวนต้องคว้าน้ำเหลวในค่ำคืนแรก หากแต่ชีวิตของเด็กหญิงคนหนึ่งกับอีกหนึ่งครอบครัวที่เฝ้ารอความหวังจากเจ้าหน้าที่ กระตุกจิตวิญญาณที่ไม่ยอมแพ้และสัญชาติทยาน “หมาล่าเนื้อ” ชุดสืบสวนไล่ล่าติดตามร่องรอยเดนทรชนจนถึงรุ่งเช้าเมื่อยามดวงอาทิตย์ขึ้นถึงคราว "ดวงโจรดับ" ชุดสืบตามกลิ่นจนพบ “รอยเท้า” เป็นเบาะแสจากพลเมืองดีรายหนึ่งในตลาดวังหลังซึ่งเห็นคนร้ายเดินกับเด็กหญิงสาวโดยเด็กผู้หญิง “มีบาดแผลตามร่างกาย” ทำให้ระลึกถึงพฤติกรรมการชอบใช้ความรุนแรงในครอบครัวของเดนทรชนรายนี้ แม้เบาะแสจะดูเบาบางแต่สัญชาติทยานชุดสืบสวน “มั่นใจ” คือคนร้ายก่อนไล่ล่าติดตามไปอย่างระทึกกระทั่งไปจับกุมตัวได้ที่ ตลาดวังหลัง แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย จ.กรุงเทพฯ และสามารถช่วยเหลือ ด.ญ.ส้ม ได้ก่อนจะถูกคนร้ายพาหนีลงไปทางภาคใต้

ในชั้นจับกุม นายเอส คอลาย ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนเองลงมือกระทำชำเราลูกเลี้ยงวัย 12 ปี จริงโดยกระทำโดยไม่ได้สวมถุงยางอนามัน และตนได้ไปต่ออวัยวะเพศของตนเองมา เมื่อเวลามีเพศสัมพันธ์ลูกจะบอกว่าเจ็บตลอด และที่ทำไปเพราะความรัก ตอนแรกแค่แอบชอบ แต่พอพูดคุยแหย่กันไปมาก็เริ่มมีความรู้สึกรัก ตอนนี้ไม่ได้รับแม่ของเด็กแล้ว แต่มารักเด็กแทน โดยที่ผ่านมาตนเองเคยถูกจับกุมตั้งแต่วัยเด็ก โดยรวมทั้งหมดถึงปัจจุบันกว่า 13 ครั้ง และล่าสุดโดนข้อหา อนาจารเด็กและอยู่ระหว่างการประกันตัว ตนเองได้ถูกติดกำไร EM แต่ได้ถอดทิ้งไปเพื่อหลบหนีจะไม่ไปฟังคำพิพากษาของศาล เพราะไม่พร้อมที่จะติดคุก ฝากขอโทษครอบครัวของลูกเลี้ยง ทำให้เกิดเป็นปมด้อยเป็นตราบาปกับเด็ก และยอมรับว่าไม่ได้ไปทำแบบนี้กับเด็กคนอื่นอีกแน่นอน หากเจ้าหน้าที่เผยแพร่ใบหน้าตนไปแล้วมีเหยื่อมาชี้ยืนยัน ยินดีให้เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาเพิ่มเติมได้เลย” นำตัวนำส่งศาลอาญาธนบุรีดำเนินคดีตามกฎหมาย

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม