วันที่ 3 สิงหาคม 2566 เวลา 05:01 น.
ตำรวจพัทยา รวบหนุ่มเมียนมา ถือปืนจ่อข่มขู่คนคูเวต สารภาพ 'แก๊งคูเวต เป็นต้นคิดถ่ายทำคอนเทนต์'
จากกรณีชายต่างชาติ อายุประมาณ 20-30 ปี สูงประมาณ 170 เซนติเมตร สวมเสื้อเชิ้ตสีดำ กางขายาวสีดำ แต่งกายดี มือขวาถืออาวุธปืน กวัดแกว่งไปมา และ มือซ้ายถือ เลเซอร์ ส่องไปที่ กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งน่าจะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวคูเวต กว่า 10 คน โดยมีสั่งให้ไปนั่งเรียงกัน ริมระเบียงบนจุดชมวิว อีกทั้งยังใช้อาวุธจ่อไปที่ศีรษะ และ ยิงเลเซอร์จ่อไปที่นักท่องเที่ยวรายนึงอีกด้วย อีกทั้งบ้างช่วง มีการพูดภาษาอังกฤษว่า “I catch you“ และ “I want money“ โดยวีดีโอที่ปรากฏนั้น เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าตรู่ บนจุดชมวิว เขาสทร. พัทยาใต้ หมู่ 10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
ล่าสุด เมื่อเวลา 14.00 น. (2 ส.ค.66) พ.ต.อ.ฐนพงศ์ โพธิ์ทิ ผกก.สภ.เมืองพัทยา พ.ต.อ.ปริญญา กลิ่นเกษร ผกก.ตม.จ.ชลบุรี พ.ต.ท. ท.พิชญะ เขียวเปลื้อง สว.ทท.4 กก.2 บก.ทท.1 ( ตำรวจท่องเที่ยวพัทยา ) พร้อมทีมชุดสืบสวน เข้าทำการควบคุมตัว นายแก้ว ชอ อายุ 25 ปี และ นาย ซีน อายุ 22 ปี ชาวเมียนมา ได้ที่ร้านสะดวกซื้อ ภายในซอยบงกชพัทยากลาง หมู่ 9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี พร้อม อาวุธปืนปลอม เป็นปืนไฟแซ็ค สีดำ อยู่ใต้เบาะรถจักรยานยนต์ ก่อนจะพาไปค้นบ้านซึ่งห่างจากร้านสะดวกซื้อประมาณ 100 เมตร เพื่อไปเอาเสื้อผ้า ที่สวมใส่ ในวันที่เกิดเหตุ
สอบสวนเบื้องต้น นายแก้ว ชอ ให้การรับสารภาพ ผ่านนายจ้าง ว่า เมื่อเช้าตรู่ของวันที่ 1 ส.ค.66 พร้อมกับเพื่อนสัญชาติเดียวกัน อีก 1 คน คือ นายซีน อายุ 22 ปี ( ชาวพม่า ) ได้ชักชวนกันไปนั่งเล่นบริเวณจุดชมวิวบนเขา ส.ทร.พัทยาใต้ จากนั้นได้มีกลุ่มนักท่องเที่ยว ชาวคูเวตประมาณ 10-15 คน ขี่รถจักรยานยนต์ ขึ้นมาบนเขา แต่เมื่อเห็นว่า ตนถือปืนไฟแซ็ค เพื่อจุดบุหรี่สูบ จึงเดินเข้ามาหา และ มีการพูดคุยเป็นภาษาอังกฤษ โดยกลุ่มชาวคูเวต ได้อ้อนวอน ให้ถ่ายคลิปวิดีโอ โดยเป็นการสมมุติเหตุการณ์แนวแอ็คชั่น โดยให้ตน แสดงเป็นมาเฟียถือปืนจี้เอาเงิน และบังคับให้นั่งเรียงริมระเบียงจุดชมวิว โดยมี นาย ซีน เพื่อนอีกคน ใช้โทรศัพท์มือถือ ของชาวคูเวตเป็นคนถ่าย จนเป็นภาพตามที่ปรากฏในคลิป เพื่อนำเอาไปลงโลกโซเซียล แต่ก็ไม่คาดคิดว่า คลิปดังกล่าวจะนำไปแชร์ต่อๆกันจำนวนมาก อีกทั้งยืนยันว่าไม่มีเจตนาเป็นอย่างอื่น
เบื้องต้น ตำรวจเปิดเผยว่า พฤติกรรมดังกล่าวเข้าข่ายความผิด 1. ร่วมกันแกล้งบอกเล่าความเท็จให้เลื่องลือจนเป็นเหตุให้ประชาชนตกใจ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 384 ระหว่างโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน หนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และ ข้อ 2.หากมีจากการสืบสวนปรากฎว่า กลุ่มผู้สร้างคอนเทนต์ และผู้โพสต์ มีเจตนาร่วมกันที่จะเผยแพร่ข้อความหรือพฤติการณ์ดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนหรือบุคคลทั่วไปทราบ เพื่อให้เกิดเหความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของเมืองพัทยาหรือประเทศไทย ซึ่งการกระทำในลักษณะดังกล่าว จะเป็นความผิดฐาน ร่วมกัน โดยทุจริต นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความปลอดภัยสาธารณะ อันเป็นความผิดตามพรบ.คอมพิวเตอร์พ.ศ.2560มาตรา 14 (2) , (5) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ ตำรวจยังฝากไปถึง กลุ่มยูทูปเบอร์ต่างๆ หากมีแนวคิด จะสร้างคอนเทนต์ การใช้ความรุนแรงในลักษณะนี้ ก็ควรพิจารณา และนึกถึงภาพลักษณ์ของประเทศไทย เหมือนกับกรณีนี้ ทางตำรวจจะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดต่อไป
เครดิต สยามชล นิวส์
15 พฤศจิกายน 2567
เปิดผลตรวจ "แมวแม่หยัว" เผยผู้เชี่ยวชาญที่อ้างตอนวางยา ไม่ใช่สัตวแพทย์
15 พฤศจิกายน 2567
ไฟไหม้กองขยะ ย่านซอยโชคชัย 4 แล้วลุกลามรถยนต์ที่จอดใต้อาคารเสียหาย 3 คัน
15 พฤศจิกายน 2567
เปิดผลตรวจ "แมวแม่หยัว" เผยผู้เชี่ยวชาญที่อ้างตอนวางยา ไม่ใช่สัตวแพทย์
15 พฤศจิกายน 2567
ไฟไหม้กองขยะ ย่านซอยโชคชัย 4 แล้วลุกลามรถยนต์ที่จอดใต้อาคารเสียหาย 3 คัน