วันที่ 26 กรกฎาคม 2566 เวลา 19:01 น.
วันที่ 26 กรกฎาคม 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายเงินกู้ “โชคมีทรัพย์” คือ 1.นายเอกรัฐ อายุ 33 ปี , 2.นายประยูร อายุ 19 ปี และ 3. นายกฤษดา อายุ 40 ปี จับกุมได้ บริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ อ.ตาลสุม จ.อุบลราชธานี พร้อมของกลางที่ยึดได้โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง ,นามบัตรชักชวนเงินกู้“โชคมีทรัพย์” จำนวน 94 ใบ, บัญชีรายชื่อลูกค้าและรายการเรียกเก็บดอกเบี้ยแบบรายวัน จำนวน 4 แผ่น, รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่น วีออส สีดำ จำนวน 1 คัน พร้อมกุญแจ 1 ดอก และสำเนาธนบัตร ฉบับละ 500 บาท จำนวน 1 ฉบับ, ฉบับละ 100 บาท จำนวน 2 ฉบับ และฉบับละ 50 บาท จำนวน 1 ฉบับ
สืบเนื่องมาจากก่อนหน้านี้เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุม ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าในพื้นที่ดังกล่าว มักมีกลุ่มคนเป็นชายฉกรรจ์อายุประมาณ 33 ปี ขับรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีดำ มีพฤติกรรมลักลอบปล่อยเงินกู้และเรียกเก็บดอกเบี้ยในลักษณะรายวันและเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้
เมื่อไปถึงพบ น.ส.มาศ (นามสมมุติ) อายุ 58 ปี พักอาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว จึงได้เข้าสอบถามตามรายละเอียดตามที่ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีไว้ก่อนหน้านี้ จากการสอบถาม ทราบว่าได้กู้ยืมเงินนอกระบบซึ่งคิดดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กดหมายกำหนด และจ่ายเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยในลักษณะรายวันจากกลุ่มบุคคลเป็นชายฉกรรจ์จริง โดยตนได้กู้ยืมเงินนอกระบบมาจำนวน 6,000 บาทจากกลุ่มชายฉกรรจ์ และได้ทำสัญญากู้ยืม พร้อมกับผ่อนชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ยเป็นเงินจำนวน 300 บาทต่อวัน โดยให้ชำระต่อเนื่องเป็นเวลา 24วัน เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ประสานข้อมูล และรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบุคคลและพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องของบุคคลที่จะมาเก็บเงินกู้กับ น.ส.มาศ (นามสมมุติ) เพิ่มเติม เพื่อวางแผนเข้าจับกุมตามข้อมูล
ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้นำธนบัตร ไปลงประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.ตาลสุม มาส่งมอบให้กับ น.ส.มาศ (นามสมมุติ) เพื่อชำระให้แก่บุคคลตามข้อมูลข้างต้น ซึ่งจะเดินทางมาเก็บเงินกู้พร้อมดอกเบี้ย ในช่วงเวลาประมาณ 11.00 – 14.00 น. จากนั้นได้วางกำลังซุ่มอยู่ภายในบ้านของ น.ส.มาศ ไม่นานได้มีนายเอกรัฐ ,นายประยูร และ นายกฤษดา ขับขี่รถยนต์ลักษณะรูปพรรณตรงตามที่ได้ประสานข้อมูลกับนางนารี ไว้ มาจอดที่บริเวณหน้าบ้านดังกล่าว
จากนั้นมีนายประยูรลงจากรถเดินเข้าไปภายในบริเวณหน้าบ้านดังกล่าว เพื่อมาเก็บเงินกู้พร้อมดอกเบี้ยกับ น.ส.มาศ โดย น.ส.มาศ ได้ส่งมอบธนบัตรที่ลงบันทึกประจำวันหลักฐานไว้ ให้กับนายประยูร เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ซุ่มดูอยู่พบเห็น จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอตรวจสอบและตรวจค้นพบธนบัตรของกลาง อยู่ในมือของนายประยูรฯ ซึ่งนายประยูร รับว่าเป็นธนบัตรที่ได้จากการเรียกเก็บเงินกู้พร้อมดอกเบี้ยจาก น.ส.มาศ เมื่อสักครู่นี้จริง โดยได้เดินทางมาพร้อมกับนายเอกรัฐ และนายกฤษดา ซึ่งรออยู่บนรถยนต์คันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวและเชิญให้นายเอกรัฐ และนายกฤษดา ลงจากรถยนต์
สอบถามทั้งหมดให้การรับว่าพวกตน ได้มาเก็บเงินกู้นอกระบบกับผู้กู้ หรือ น.ส.มาศ จริง ซึ่งคิดเป็นอัตราดอกเบี้ย ในอัตราประมาณร้อยละ 25 บาทต่อเดือนหรือ 30 วัน หรือ คิดเป็นอัตราดอกเบี้ย ในอัตราประมาณร้อยละ 300 บาทต่อปี ซึ่งเป็นการเรียกอัตราดอกเบี้ยที่เกินว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้
โดยเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา“ร่วมกันประกอบกิจการเป็นผู้ให้สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับโดยไม่ได้รับอนุญาต และเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2560 มาตรา 4 (1) ก่อนที่จะควบคุมตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ตาลสุม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป