หน้าแรก > อาชญากรรม

ไทย จับมือ ออสเตรเลีย สานต่อปฏิบัติการ ลุยปราบเครือข่ายค้ายาข้ามชาติ

วันที่ 25 กรกฎาคม 2566 เวลา 18:06 น.


วันที่ 25 กรกฎาคม 2566 นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) มอบหมายให้นายธนากร คัยนันท์ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. เป็นประธานในการประชุมระดับผู้บริหารหน่วยงานภาคีตามโครงการปฏิบัติการเฉพาะกิจร่วม ไทย-ออสเตรเลียว่าด้วยความร่วมมือด้านยาเสพติด การฟอกเงิน และอาชญากรรมข้ามชาติ (Taskforce Storm) และร่วมลงนามในพิธีลงนามขยายกรอบระยะเวลาปฏิบัติการ (Taskforce Storm) พร้อมด้วย พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.พรพิทักษ์ รู้ยืนยง รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด นายปีเตอร์ ไซคอร่า (Peter Sykora) ผู้บังคับการภูมิภาคเอเชีย ตำรวจสหพันธ์ออสเตรเลีย (Australian Federal Police :AFP) ประจำภูมิภาคเอเชีย ร.ต.อ. ปิยะ รักสกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และร้อยตำรวจเอก ไพรัตน์ เทศพานิช ที่ปรึกษาด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ณ ห้องชิดชัย วรรณสถิตย์ สำนักงาน ป.ป.ส. (ดินแดง)

นายธนากร คัยนันท์ รองเลขาธิการ ป.ป.ส.กล่าวว่า ปฏิบัติการ Taskforce Stormมีการลงนามในข้อตกลงครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2559 โดยมีพลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในขณะนั้นเป็นสักขีพยานในการลงนามมีเป้าหมายในการสร้างความร่วมมือระหว่าง ไทย-ออสเตรเลีย ในการจัดการกับปัญหายาเสพติด โดยเฉพาะเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติ ที่สร้างผลกระทบไปทั่วโลก และการกระทำผิดยังเชื่อมโยงไปยังอาชญากรรมข้ามชาติมิติอื่น อาทิเช่น อาชญากรรมทางไซเบอร์ การค้ามนุษย์และอาวุธสงคราม การก่อการร้าย  และการฟอกเงิน

รองเลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวอีกว่า นับตั้งแต่ประเทศไทยร่วมมือกับ AFP ภายใต้ปฏิบัติการเฉพาะกิจร่วม Taskforce Storm จากจำนวน 20 ปฏิบัติการ เป็นปฏิบัติการที่เสร็จสิ้นแล้ว 6 ปฏิบัติการ อยู่ระหว่างดำเนินการ 14 ปฏิบัติการ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 55 ราย และผู้ต้องหาตามหมายจับจำนวน 13 ราย เราสามารถตรวจยึดยาเสพติดทั้งหมดรวมกันได้กว่า 13 ตัน (13,393.44 กก.) ยึดทรัพย์ได้กว่า 1,150,068,648.15 ล้านบาท หรือประมาณ 51 ล้านเหรียญออสเตรเลีย

จากการดำเนินงานภายใต้ปฏิบัติการ Taskforce Stormที่มีผลการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญสร้างความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูล การขยายผลจับกุมและยึดทรัพย์ผู้ต้องหาทั้งในไทย ออสเตรเลีย และผู้ต้องหาที่หลบหนีการจับไปกุมไปยังประเทศต่าง ๆ  ซึ่งการร่วมมือการดำเนินงานเช่นนี้ของทั้ง 2 ประเทศส่งผลให้การปราบปรามอาชญากรรมใน 2 ประเทศมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นทำให้หน่วยงานภาคีทั้ง 5 ได้เห็นชอบให้มีการขยายระยะเวลาปฏิบัติการร่วมออกไปอีก 2 ปี ซึ่งในตอนท้าย ผู้แทนหน่วยงานภาคีทั้ง 5 ได้ลงนามในเอกสารขยายกรอบระยะเวลาดังกล่าว โดยจะมีผลไปจนถึงวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 (รอมติที่ประชุม)

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม