จ่าคิงส์ พาผู้เสียหายร้องกองปราบฯ โดน "เสี่ยโม" ยี่ปั๊วปลอมหลอกขายโควต้าลอตเตอรี่ สูญกว่า 40 ล้านบาท

วันที่ 21 ก.ค.66 ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พหลโยธิน จตุจักร กทม. นายธมะนันท์ แตงทิม เจ้าของเพจ "จ่าคิงส์ สะพานใหม่" พาผู้เสียหายนำเอกสารหลักฐานเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ดำเนินคดีกับนายทรงธรรม เพื่อดำเนินคดีกับ นายทรงธรรม หรือ “เสี่ยโม” ยี่ปั๊วคนหนึ่ง ที่อ้างว่า ได้โควต้าสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยนำมาจำหน่ายให้กับผู้เสียหาย ในราคาเล่มละ 7700-8100 บาท เมื่อผู้เสียหายโอนเงินล่วงหน้าไปเพื่อจองโควต้าสลาก กลับไม่ส่งของและไม่สามารถติดต่อได้ 
น.ส.เอ หนึ่งในผู้เสียหายเปิดเผยว่า รู้จัก นายทรงธรรม ผู้ก่อเหตุ ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2565 ผ่านคำแนะนำของเพื่อน ว่ามีลอตเตอรี่จำนวนมาก ได้รับการประมูลมาจากแต่ละจังหวัด และมีเครือข่ายทั่วประเทศ เธอต้องการรายได้เสริม จึงติดต่อไป ช่วงแรกได้ลอตเตอรี่จริงจำนวน 10 เล่ม โดยโอนเงินเข้าบัญชีของนายทรงธรรม และนัดหมายการส่งลอตเตอรี่ที่จังหวัดนนทบุรี  หลังจากนั้น จึงลงทุนเพิ่มขึ้น ร่วมกับเพื่อนๆ ทั้งการซื้อมาเพื่อขายต่อ และการร่วมลงทุนลอตเตอรี่กับนายทรงธรรม จนช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2566 นายทรงธรรม ไม่ส่งลอตเตอรี่ อ้างว่า ราคาต่ำและไม่สามารถติดต่อได้ จึงแจ้งความไว้ที่สภ.รัตนาธิเบศร์ เบื้องต้นมูลค่าความเเสียหาย 9 ล้านบาท

น.ส.บี ผู้เสียหายอีกราย เปิดเผยว่า เธอลงทุนซื้อโควต้าลอตเตอรี่กับนายทรงธรรม ไป 1 ล้านบาท แต่ได้รับลอตเตอรี่จากนายทรงธรรม  จริง จำนวน 3 เล่ม เท่านั้น จนเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ ได้รับลอตเตอรี่ไม่ครบจำนวน นายทรงธรรม จึงแต่ทำหนังสือขอผ่อนผัน ค่าเสียหายวันละ 1,000 บาท และเปลี่ยนมาเป็น 500 บาท สุดท้ายไม่ผ่อนตามที่กำหนดและไม่สามารถติดต่อได้  จึงรวมตัวกันแจ้งความผ่านกองบังคับการปราบปรามในวันนี้

ด้านจ่าคิงส์ สะพานใหม่ กล่าวว่า นายทรงธรรมผู้ก่อเหตุ มักแอบอ้างว่าเป็นนักทำบุญ และมีธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ที่มีทุนจดทะเบียนมากกว่า 200 ล้านบาท จึงทำให้ผู้เสียหายเชื่อใจร่วมลงทุน และซื้อสลากกับนายทรงธรรม โดยการนำผู้เสียหาย เข้าแจ้งความร้องทุกข์ในวันนี้ ขอให้ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตรวจสอบว่า ธุรกิจของนายทรงธรรมมีจริงหรือไม่ และดำเนินคดีกับนายทรงธรรมอย่างถึงที่สุด

นอกจากนี้ผู้เสียหายบางส่วน สะท้อนว่า ได้แจ้งความดำเนินคดียี่ปั๊วคนดังกล่าว ในสน.รัตนาธิเบศร์ และสน.ศรีสมานแล้ว แต่ผ่านมาแล้ว 5 เดือนยังไม่คืบหน้า จึงเดินทางมาแจ้งความผ่านกองบังคับการปราบปราม เพื่อให้ช่วยติดตามคดี เบื้องต้นพบผู้เสียหาย 20 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 40 ล้านบาท

เบื้องต้นพนักงานสอบสวน กองปราบปรามรับเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป