วันที่ 17 กรกฎาคม 2566 นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส เผยผลการดำเนินงานภายใต้โครงการความร่วมมือด้านปราบปรามและสกัดกั้นยาเสพติดที่ท่าอากาศยาน และท่าเรือนานาชาติ ประกอบด้วย กรมศุลกากร กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ศูนย์รักษาความปลอดภัย และ สำนักงาน ป.ป.ส. โดยชุดปฏิบัติการได้เฝ้าระวังการลักลอบลำเลียงยาเสพติดในพัสดุระหว่างประเทศ จนกระทั่งสืบสวนทราบว่า มีการจัดเตรียมลักลอบส่งพัสดุซุกซ่อนยาเสพติดไปต่างประเทศ

โดบชุดปฎิบัติการ AITF และ SITF พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ของบริษัทตัวแทนรับ-ส่งสินค้าไปต่างประเทศ ร่วมกันตรวจสอบพัสดุต้องสงสัย ซึ่งสำแดงเป็นกล่องกระดาษ A3 สำหรับพิมพ์สี มีข้อความ INJET PAPER จำนวน 2 กล่อง ผนังด้านข้างกล่องมีลักษณะนูนหนาผิดปกติ ชุดปฏิบัติการจึงได้เปิดตรวจโดยละเอียด พบภายในเป็นกระดาษฟรอยด์จำนวนกล่องละ 2 ห่อ และแต่ละห่อทำเป็นช่องลับซุกซ่อนเฮโรอีนอยู่ด้านใน รวมทั้งสิ้น 4 ห่อ น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 1.2 กิโลกรัม

จากการสืบสวนขยายผลทำให้ทราบข้อมูลผู้ส่งพัสดุดังกล่าวแล้ว โดยพบว่าพัสดุชิ้นนี้จะถูกส่งไปปลายทางไปยังประเทศออสเตรเลีย สำนักงาน ป.ป.ส. จึงได้ประสานงานกับตำรวจสหพันธรัฐออสเตรเลีย (Australian Federal Police : AFP) ประจำประเทศไทย เพื่อขยายผลถึงผู้เกี่ยวข้องในเครือข่ายนี้

นายวิชัยฯ เลขาธิการ ป.ป.ส กล่าวว่า“สำหรับคดีนี้แม้ว่าของกลางมีจำนวนไม่มาก แต่พบเบาะแสที่ทำให้เชื่อว่า มีเครือข่ายผู้เกี่ยวข้องรายสำคัญทั้งในประเทศไทย และ ออสเตรเลีย ซึ่งพยายามส่งเฮโรอีนไปกับพัสดุระหว่างประเทศทั้งทางอากาศยาน และทางเรือ”

ทั้งนี้ในปี พ.ศ.2566 นี้ ชุดปฏิบัตการ AITF และ SITF ร่วมกันตรวจยึดเฮโรอีนที่ซุกซ่อนในพัสดุภัณฑ์ สินค้า ทางอากาศยาน รวมทั้งการลักลอบส่งออกทางเรือเดินทะเลก่อนไปประเทศออสเตรเลีย รวมกันมากถึง 35 คดี ของกลางไอซ์ 973.4 กิโลกรัม และเฮโรอีน 70.7 กิโลกรัม ผลตรวจยึดจับกุมยาเสพติดจำนวนมากนี้ สะท้อนถึงความร่วมมือในระดับสูงสุดของภาคีหน่วยข่าวในประเทศ รวมทั้ง AFP ทำให้สำนักงาน ป.ป.ส.ขยายผลไปถึงตัวการนายทุนภายในประเทศไทยได้หลายราย ขณะเดียวกันทาง AFP ได้นำการขยายผลทางข่าวของสำนักงาน ป.ป.ส.ไปต่อยอดจนนำไปสู่การยึดทรัพย์สินได้เป็นจำนวนมาก ในประเทศออสเตรเลียอีกด้วย เลขาธิการ ป.ป.ส กล่าว