วันที่ 8 กรกฎาคม 2566 เวลา 12:34 น.
“วุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์” สมาชิกวุฒิสภา เผยแพร่จดหมายเปิดผนึกฉบับที่ 2 หนุนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีจากพรรคที่มี ส.ส. มากสุด
วันนี้(8 ก.ค.66) นายวุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา ได้เผยแพร่ จดหมายเปิดผนึก ฉบับที่ 2 สมาชิกวุฒิสภา ลำดับที่ 174 มีใจความสนับสนุนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีจากพรรคที่มี ส.ส. มากสุด
กลไกกระบวนการตามอำนาจหน้าที่ และความรับผิดชอบของรัฐสภา ตามครรลองที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ได้ดำเนินการไปอย่างถูกต้อง ครบถ้วน และเรียบร้อย รับจากวันที่พระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบรัฐพิธีเปิดสมัยประชุมสามัญทั่วไปเป็นครั้งแรก เมื่อวันจันทร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2566
ในโอกาสอันเป็นมหามงคลดังกล่าว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานกระแสพระราชดำรัสที่ทรงคุณค่ายิ่งต่อที่ประชุม และขอให้โอกาสนี้อัญเชิญบางส่วนของกระแสพระราชดำรัสมาเน้นย้ำให้ทราบทั่วกันอีกครั้ง
"..ประเทศชาติ จะมีความเจริญเพียงใด ย่อมขึ้นอยู่กับสติปัญญา ความสามารถ และความสุจริตบริสุทธิ์ของท่านที่จะปฏิบัติหน้าที่ทั้งปวง โดยยึดถือประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชน เป็นสิ่งที่มีความสำคัญสูงสุด หากทุกท่านจะได้สำนึกตระหนักเช่นนี้อยู่เสมอ ก็จะสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้สำเร็จลุล่วง เป็นประโยชน์ เป็ความเจริญมั่นคงของอาณาประชาราษฎร์ และชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริง...”
ในฐานะสมาชิกวุฒิสภาคนหนึ่งที่รร่วมอยู่ในรัฐพิธีอันเป้นมหามงคล ขอตั้งปณิธานน้อมนำกระแสพระราชดำรัสข้างต้น มาเป็นแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อความเจริญมั่นคงของชาติบ้านเมืองด้วยความแน่วแน่
กรณีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่กำลังจะมีขึ้น และเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์กล่าวหากันอย่างรุนแรงและกว้างขวาง เกี่ยวกับความเหมาะสมของบุคคลบางคน อาจเป็นปรากฏการณ์ปกติของเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
อย่างไรก็ตาม การแสดงความคิดเห็นในลักษณะรณรงค์ต่อต้าน ขัดขวาง การขึ้นสู่ตำแหน่งของบุคคลบางคน ด้วยการสร้างมายาคติ บนความอคติ โดยก้าวล่วงสิทธิเสรีภาพบุคคลอื่น ไม่น่าจะเป็นการกระทำที่เหมาะควรอย่างยิ่ง
ความเป็นสมาชิกสภาผู้ทรงเกียรติแห่งรัฐสภา ซึ่งงเป็นหนึ่งใน 3 เสาหลักของอำนาจอธิปไตย อันประกอบด้วย นิติบัญญัติ-ตุลาการ-บริหาร ถึงต้องตระหนักในเกียรติภูมิแห่งวามเป็นสมาชิกรัฐสภา และต้องพึงระวังไม่กระทำการใด ๆ ที่อาจเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการละเมิดรัฐธรรมนูญมาตรา 113 ว่าด้วย “สมาชิกวุฒิสภาต้องไม่ฝักใฝ่ หรือยอมตนอยู่ใต้อาณัติของพรรคการเมืองใด ๆ” หรือมาตรา 114 ว่าด้วย “สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ย่อมเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมาย หรือความครอบงำใด ๆ และต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม โดยปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์”
เพื่อยืนยันถึงการน้อมนำ และยึดมั่นตามแนวทางในกระแสพระราชดำรัส จึงขอเน้นย้ำถึงเจตนารมณ์ ในฐานะสมาชิกวุฒิสภา ตามบทเฉพาะกาล ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ยืนยันให้การสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในบัญชีพรรคการเมืองที่มีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมากที่สุด ได้ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ เพื่อจรรโลงไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อย ความสมานฉันท์ในบ้านเมือง และธำรงไว้ซึ่งหลักการตามระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตลอดจนเพื่อความสอดคล้องกับฉันทามติของมหาชน ที่ไปใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2566