หน้าแรก > ต่างประเทศ

ทูตไทย เยี่ยม "พลายประตูผา" พบปกติแต่อยู่ในช่วงตกมัน ยืนยันสื่อมวลชนศรีลังกาไม่คิดนำกลับไทย

วันที่ 7 กรกฎาคม 2566 เวลา 12:14 น.


เมื่อวันที่ 7 ก.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา นายพจน์ หาญพล เอกอัครราชทูตไทยประจำศรีลังกา (ออท.)เดินทางไปยังวัดพระธาตุเขี้ยวแก้ว เมืองแคนดี้ ตามคำเชิญของ นายปราดีป นิลานก้า เดล่า นิลาเม่ ไวยาวัจกรของวัดพระธาตุเขี้ยวแก้ว ซึ่งดูแลพลายประตูผา หรือ Thai Rajaa ในปัจจุบัน

โดย นายพจน์ได้แจ้งให้ นายปราดีปทราบว่า ทางการไทยมีดำริที่จะส่งเสริมความร่วมมือกับศรีลังกาในด้านองค์ความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงช้าง รวมทั้งการพัฒนาบุคลากร อาทิ สัตวแพทย์และควาญ โดยจะมีคณะผู้แทนไทยจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินทางมาหารือในรายละเอียดกับมหาวิทยาลัย Peradeniya ของรัฐ ที่มีคณะสัตวแพทยศาสตร์ เพียงแห่งเดียวในศรีลังกาต่อไป

หลังจากการหารือนายปราดีป และ ดร.อโศกา ดังโกลล่า หัวหน้าภาควิชา Veterinary Clinical Science เชิญออท.ไปดูพลายประตูผา ที่วัด Suduham Pola ซึ่งอยู่ในเมืองแคนดี ห่างจากวัดพระธาตุเขี้ยวแก้วประมาณ 3 กม. พบว่าพลายประตูผา อยู่ในบริเวณลานโล่ง เป็นลานปูน และลานดิน มีเชือกกั้นอาณาเขตบริเวณที่อยู่ ล่ามโซ่ขาหน้า 2 ขาติดกับต้นไม้ใหญ่ 2 ต้น และล่ามโซ่ขาหลัง 1 ขา จากการสังเกต พบว่าโซ่ขาหลังไม่ได้ตึงมากนัก มีระยะผ่อนได้ จากการที่ช้างพลายประตูผาสามารถขยับตัวได้ในระดับหนึ่ง และสามารถยืนในท่าทางธรรมชาติได้ ไม่ได้ถูกดึงรั้งจนเกินไป

พลายประตูผาอยู่ในช่วงตกมัน แต่ยังสามารถกินอาหาร ได้แก่ ใบปาล์ม kithul หญ้า อ้อย ได้ตามปกติ ในช่วงกว่า 30 นาที ที่สังเกตอาการ แม้มีผู้คนมากมาย พลายประตูผาไม่ได้แสดงอาการดุดัน และควาญประจำตัว ป้อนอาหารในระยะปลอดภัยตามปกติ 

นายพจน์ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนศรีลังกาว่า ทางการไทยมิได้มีความประสงค์ที่จะนำช้างพลายประตูผากลับประเทศไทย เป็นที่ทราบกันดีว่า ภารกิจ (การส่งมุธุราชาไปรักษาอาการป่วยที่ประเทศไทย) ได้สร้างความตระหนักรู้อย่างยั่งยืนในเรื่องสิทธิ การเลี้ยงดูและดูแลรักษาช้างและสัตว์ประเภทอื่นๆ ให้ดียิ่งขึ้นในทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งจากนี้ไป เราคงจะต้องเน้นเรื่องการความร่วมมือในการทำงานร่วมกันสำหรับอนาคต


 

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม