หน้าแรก > อาชญากรรม

ปอศ.รวบอดีตกรรมการบริษัทฯ ปลอมใบกำกับภาษีขอสินเชื่อธนาคาร เสียหายกว่า 3 ล้านบาท

วันที่ 1 กรกฎาคม 2566 เวลา 22:34 น.


ปอศ.รวบอดีตกรรมการบริษัทฯ ปลอมใบกำกับภาษีขอสินเชื่อธนาคาร เสียหายกว่า 3 ล้านบาท

วันที่ 1 กรกฎาคม 2566 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.เมฆพิศาล ศรีภิรมย์ ผกก.5 บก.ปอศ., พ.ต.ท.กริช วรทัต รอง ผกก.5 บก.ปอศ. พ.ต.ต.ฉัตรดนัย ทองคลอด สว.กก.5 บก.ปอศ. นำกำลังจับกุม นายสุพจกฤษณะ อายุ 56 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ในข้อหา “ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอมและร่วมกันฉ้อโกง”ได้บริเวณบ้านหลังหนึ่ง ถนนสรงประภา แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ

สืบเนื่องมาจากเมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2561 ธนาคารพาณิชย์ผู้เสียหายได้มอบอำนาจให้ตัวแทน เดินทางเข้ามาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ บริษัทจัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โดยมีนายสุพจกฤษณะ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ ลงชื่อผูกพันบริษัทฯ ที่กระทำการหลอกหลวงธนาคาร ด้วยการปลอม และใช้เอกสารใบกำกับสินค้า ใบกำกับภาษี นำมายื่นกับทางธนาคารเพื่อขอสินเชื่อ

จากนั้นนำเงินไปใช้หมุนเวียนทางการค้าของบริษัท เป็นเหตุให้ทางธนาคารหลงเชื่อ และอนุมัติเงินให้ รวมจำนวน 4 ครั้ง รวมเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 3,227,983.63 บาท หลังจากที่นายสุพจกฤษณะ ได้รับเงินสินเชื่อด้วยวิธีการทุจริต ก็ไม่ได้ชำระหนี้ให้กับธนาคารตามสัญญา ภายหลังทราบว่าตนจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ได้หลบหนีออกนอกประเทศ ทางพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. ได้ทำการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนในที่สุดศาลได้อนุมัติหมายจับ ในข้อหา “ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอมและร่วมกันฉ้อโกง”

ต่อมาสืบสวนได้สืบสวนจนพบเบาะแสว่า นายสุพจกฤษณะ ผู้ต้องหา ได้เดินทางหลบหนีออกนอกประเทศ และเดินทางกลับมายังประเทศไทย โดยใช้ช่องทางธรรมชาติ และเข้ามากบดานอยู่ในพื้นที่ เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ จนกระทั่งวันนี้ เจ้าหน้าตำรวจ กก.5 บก.ปอศ. ได้นำหมายค้นของศาลอาญา เข้าทำการตรวจค้นบ้านแห่งหนึ่ง จนนำไปสู่การจับกุมตัวไว้ได้

ทั้งนี้ตำรวจขอแจ้งเตือนประชาชนว่า การปลอมใบกำกับภาษีซึ่งเป็นเอกสารสิทธิ และนำเอกสารสิทธิปลอมไปใช้ โดยมีเจตนาให้บุคคลอื่นหลงเชื่อว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารที่แท้จริง มีความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม ผู้ที่กระทำความผิดดังกล่าว ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 1,000 ถึง 10,000 บาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 ประกอบมาตรา 268

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม