กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์  วัฒน์นครบัญชา  ผบช.สอท. ได้สั่งการให้สืบสวนปราบปรามมิจฉาชีพโดยเฉพาะการก่ออาชญากรรมทางสื่อสังคมออนไลน์ สร้างความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชนให้ถึงต้นตอของขบวนการ แก้ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่องและจริงจัง

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่(21 มิ.ย.66) ผู้เสียหายซึ่งเป็นแม่ค้าออนไลน์เปิดเพจไลฟ์สดขายสินค้า

ซึ่งขณะเดียวกันผู้ต้องหาซึ่งเข้าชมเพจพบว่ามีการซื้อขายสินค้าและมีการโอนเงินชำระค่าสินค้าระหว่างผู้เสียหายกับลูกค้า ผู้ต้องหาจึงได้ทำการปลอมเฟซบุ๊กลูกค้าแล้วทักไปหาผู้เสียหาย โดยอ้างว่าตนได้รับความเดือดร้อนขอให้ผู้เสียหายโอนเงินที่ลูกค้าชำระค่าสินค้าไปแล้วส่งกลับคืนให้ผู้ต้องหาก่อน ผู้เสียหายหลงผิดคิดว่าผู้ต้องหาซึ่งเป็นผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ปลอมขึ้นมาคือบุคคลเดียวกันกับลูกค้าที่ตกลงซื้อขายสินค้ากับตนจริง จึงหลงเชื่อโอนให้ผู้ต้องหาไปเป็นเงินจำนวน 111,700 บาท ในวันเดียวกันคนร้ายได้ปลอมเฟซบุ๊กเป็นลูกค้าอีกรายทักมาขอเงินคืนเหมือนเดิม ผู้เสียหายหลงเชื่อ โอนเงินให้อีก จำนวน 53,000 บาท รวมมูลค่าความเสียหาย 164,700 บาท ต่อมาในภายหลังผู้เสียหายทราบว่าถูกหลอกจึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่ สภ.ปากเกร็ด และประสานขอความช่วยเหลือจาก บก.สอท.3 อีกทางหนึ่ง ผู้บังคับบัญชาจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 สืบสวนหาตัวคนร้ายจนทราบว่าคนร้าย ชื่อ  น.ส.สุวินชา อายุ 23 ปี ชาวจังหวัดมหาสารคาม และตรวจสอบพบอีกว่า น.ส.สุวินชา ยังเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดเชียงใหม่ ข้อหาฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น อีก 1 หมาย จึงได้ขออนุมัติศาลจังหวัดมหาสารคามออกหมายค้นบ้านพักผู้ต้องหาในพื้นที่หมู่ที่ 5 ต.ลาดพัฒนา อ.เมืองมหาสารคาม จว.มหาสารคาม

ต่อมา ทีมชุดสืบสวนเข้าตรวจค้นบ้านพักหลังดังกล่าว เมื่อเข้าตรวจค้นพบผู้ต้องหาอาศัยอยู่ในบ้าน และตรวจพบพยานหลักฐานที่ใช้ในการกระทำความผิด โดยเจ้าตัวให้การรับสารภาพอีกว่าตนได้กระทำความผิดในคดีที่ตนถูกจับจริง และเคยก่อเหตุในลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง ซึ่งในคดีนี้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสามารถติดตามเงินคืนแก่ผู้เสียหายได้ จึงได้จับกุมผู้ต้องหาโดยแจ้งให้ทราบว่ากระทำความผิดฐาน ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่นจากนั้นนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย