วันที่ 23 มิถุนายน 2566 เวลา 22:54 น.
ปอศ.จับกุมหนุ่มโปรไฟล์ดี ลวงเหยื่อลงทุนเว็บไซต์ต่างประเทศ
พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ผบก.ปอศ.) , พ.ต.อ.อภิชน เจริญผล ,
พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร รอง ผบก.ปอศ., ว่าที่ พ.ต.อ.ธีรภาส ยั่งยืน ผกก.3 บก.ปอศ. พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ร่วมกันจับกุม นายณภัทร อายุ 36 ปี โดยกล่าวหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” จับกุมได้ที่บริเวณล็อบบี้โรงแรมแห่งหนึ่ง ถ.รัชดาภิเษก แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร
สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอศ. เมื่อวันที่
1 มิถุนายน 2566 ว่าได้ถูกกลุ่มผู้ต้องหาประกาศชักชวนลงทุนในหลักทรัพย์ และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ที่เว็บไซต์ต่างประเทศผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก ซึ่งภายหลังเว็บไซต์ดังกล่าวได้ปิดตัวไป ทำให้ผู้เสียหายไม่สามารถถอนเงินได้ รวมมูลค่าความเสียหายเป็นจำนวนเงินหลายล้านบาท ตรวจสอบแล้วไม่พบว่าได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แต่อย่างใด
ผู้เสียหายรายหนึ่งให้ข้อมูลว่า ได้ถูกหนึ่งในกลุ่มผู้ต้องหาชักชวนให้ลงทุนกับผ่านเว็บไซต์ดังกล่าว มีบริษัทต่างประเทศเป็นผู้ให้บริการ มีที่ตั้งเป็นหลักแหล่งมีความน่าเชื่อถือ และได้รับอนุญาตในการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อและทำการลงทุนในเว็บไซต์ดังกล่าว ในช่วงแรกสามารถลงทุนได้จริง และถอนเงินได้ปกติ ต่อมาบริษัทฯ ปฏิเสธการถอนเงินลงทุน โดยอ้างว่า บริษัทขาดสภาพคล่องไม่สามารถถอนเงินลงทุนให้กับลูกค้าได้ แล้วปิดเว็บไซต์ โดยผู้เสียหายได้ทราบภายหลังว่า หนึ่งในกลุ่มผู้ต้องหาที่ชักชวนให้ลงทุนกับเว็บไซต์ดังกล่าว ถูกจับกุมและดำเนินคดีในข้อหา “รวมกันฉ้อโกงประชาชนฯ” จึงเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอศ.
จากการสืบสวนทราบว่าบริษัทที่ผู้ต้องหาแอบอ้างนั้น เป็นบริษัทที่จดทะเบียนที่ต่างประเทศในนามของผู้ต้องหารายหนึ่งในกลุ่มผู้ต้องหาเอง และใบอนุญาตการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่แอบอ้างนั้นไม่มีอยู่จริง โดยในคดีนี้พบผู้ต้องหาในขบวนการแล้ว จำนวน 3 ราย ดังนี้
1. นายเอกฯ ขณะนี้จำคุกอยู่ที่เรือนจำภายในประเทศไทย เป็นผู้กระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน” อีกคดีหนึ่ง มีผู้เสียหาย 40 กว่าราย มูลค่าความเสียหายกว่า 28 ล้านบาท ซึ่งมีพฤติการณ์การกระทำความผิดรูปแบบเดียวกันกับคดีนี้ อยู่ระหว่างรับโทษจำคุก 141 ปี
2. นายณภัทรฯ สามารถจับกุมได้แล้วที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่งย่านรัชดา
3.นายช้างฯ ผู้ต้องหายังหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ อยู่ระหว่างการติดตามตัวจับกุมเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสืบสวนสอบสวนหาผู้ร่วมกระทำความผิดอื่นเพิ่มเติม เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป